ประจวบคีรีขันธ์ 11 ก.ย.- เทศบาลฯ หัวหินรายงานผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ ชี้แจงข้อเท็จจริงคดีบุกรุกล่าช้า หลังศาลฎีกาตัดสินแล้วเมื่อปี 57 มีทั้งการเปลี่ยนแปลงบุคลากรฝ่ายกฎหมาย บางรายเสียชีวิต ต้องตรวจรับโอนสำนวนคดีใหม่ ยันไม่มีการช่วยเหลือผู้ทำผิด กม. และมีแผนปรับพื้นที่ใช้เป็นสาธารณะประโยชน์
กรณีเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แจ้งหนังสือที่ ปข 52306.3//ว 3860 ลงวันที่ 7 กันยายน 2559 ให้จำเลยทุกรายปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาภายใน 30 วัน คดีบุกรุกชายหาดเขตเทศบาลหัวหินจำนวน 52 ราย มีความผิดตาม พรบ.ควบคุมอาคาร 2522 บริเวณริมถนนนเรศดำริห์ ตั้งแต่ศาลเจ้าแม่ทับทิมถึงสะพานปลาหัวหิน เพื่อประกอบธุรกิจและปลูกที่พักอาศัยนั้น โดยศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2557 ล่าสุดจำเลยยังไม่มีการรื้อถอนอาคารและยังไม่ชำระค่าปรับตามคำพิพากษาศาลฎีกา
นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหัวหิน ได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงถึงนายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ว่า เดิมคดีดังกล่าวมีนายเกียรติคุณ จันสุริยวงศ์ เป็นนิติกรเจ้าของคดี แต่ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ทำให้การรับโอนสำนวนคดีและต้องตรวจสอบคดีใหม่ทั้งหมด และเวลานี้สภาพอาคารมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับคดีจะต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติก่อนว่าอาคารที่ถูกดำเนินการเป็นหลังใด มีสภาพอาคารอย่างไร ปัจจุบันมีผู้ใดครอบครอง และการบังคับคดีจะต้องทำอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายของประชาชน
ด้านนายจีรวัฒน์ พราหมณี รองปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน กล่าวว่า ขณะนี้เทศบาลยังไม่มีการตัดกระแสไฟฟ้าหรือน้ำประปาในบริเวณที่มีการบุกรุก แต่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และสาเหตุที่ดำเนินการในเรื่องนี้ล่าช้านานกว่า 2 ปี เนื่องจากที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายกฎหมาย ทำให้การทำงานไม่มีความต่อเนื่องเท่าที่ควร ยืนยันว่าผู้บริหารและพนักงานเทศบาลไม่มีเจตนาที่จะช่วยเหลือกลุ่มนายทุน สำหรับพื้นที่ชายหาดหัวหิน หลังมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำชายหาด เทศบาลฯ จะปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน พร้อมจัดการปัญหาการปล่อยน้ำเสียลงทะเลที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม.-สำนักข่าวไทย