กทม. 25 ต.ค.-ร้อง ตร.ให้เอาผิด ตำรวจ สภ.หนองปรือ ยัดข้อหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ ต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้อง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลุ่มชาวจีน 6 คน พร้อมนายศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล ทนายความ ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรมและให้เอาผิดตำรวจชุดจับกุมของ สภ.หนองปรือ มี พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ ปลาทอง รอง ผบก.กองคดีอาญา เป็นตัวแทนรับหนังสือ
นายศิริชัย กล่าวอ้างว่า เมื่อ 18 กันยายนที่ผ่านมา ตำรวจกว่า 10 นายบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักหมู่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลหนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยไม่แสดงหมายค้นและใช้เวลาในการตรวจค้น 14 ชั่วโมง จากนั้นได้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และเข้าเว็บไซต์การพนันแล้วบังคับจัดฉากให้กลุ่มชาวจีนทั้ง 6 คน ไปนั่งที่คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องให้เหมือนว่ากำลังเล่นการพนันออนไลน์ เพื่อให้บันทึกภาพและวิดีโอเป็นหลักฐานก่อนคุมตัวไปที่ สภ.หนองปรือ พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการพนันออนไลน์ และเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” อีกทั้งไม่ยอมให้กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อสถานทูตจีน และพยายามบังคับให้รับสารภาพก่อนถูกนำตัวไปคุมขังที่ สภ.หนองปรือ 1 คืน และถูกคุมตัวไปยังเรือนจำจังหวัดพัทยา ระหว่างนั้น 1 ในผู้ถูกกล่าวหาแอบ โทร.หาญาติเพื่อให้ช่วยเหลือทางญาติเลยติดต่อทนายความคือนายอดุลย์ ทินะพงศ์ ให้มาเป็นทนายความช่วยเหลือ โดยต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการทั้งหมด 5,000,000 บาท อ้างว่าจะนำเงินดังกล่าวไปจ่ายให้กับตำรวจชุดจับกุม จากนั้น วันรุ่งขึ้นกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาก็ถูกปล่อยตัว พร้อมคืนของกลางทั้งหมดให้ และกลุ่มชาวจีนก็นำของทั้งหมดไปทำลายทิ้ง หลังจากนั้นเพียง 2 สัปดาห์ ก็ถูกตำรวจเข้าจับกุมอีกครั้งในข้อหา ร่วมกันทำลายของกลางในคดี ทำให้มั่นใจว่ากลุ่มชาวจีนนี้ถูกกลั่นแกล้งและพยายามติดต่อทนายความคนเดิมให้มาช่วยเหลือ แต่ทนายความได้เรียกเงินค่าดำเนินการเพิ่มอีก 2,100,000 บาท จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีน เพื่อขอให้จัดส่งทนายความมาช่วยเหลือ ซึ่งทั้ง 2 คดี ลูกความของตนรู้สึกว่าถูกตำรวจกลั่นแกล้ง เพราะระหว่างถูกจับกุมได้มีการเอาทรัพย์สินมูลค่าเกือบ 900,000 บาทไป ถือว่าเป็นการปล้นทรัพย์ ประกอบกับในคดีร่วมกันจัดให้มีการพนันออนไลน์ ต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้องจึงอยากมาร้องขอความเป็นธรรมกับ ผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินการกับตำรวจทั้งหมด และขอให้ดำเนินคดีอย่างโปร่งใส เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย.-สำนักข่าวไทย
