กรุงเทพฯ 24 ต.ค.-ผู้แทนพิเศษรัฐบาลรับฟังปัญหาแรงงานประมงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมตั้งตัวเเทนเอกชนรวบรวมปัญหาเสนอนายกฯ ต่อไป
พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการและรักษาราชการแทนเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหฟวัดชายแดะนภาคใต้(ศอ.บต.) และนายจำนัล เหมือนดำ ผู้แทนพิเศษรัฐบาลร่วมประชุม รับฟังและหารือแนวทางแก้ไขปัญหาความต้องการแรงงานภาคประมงและสาขาต่าง ๆ ของภาคเอกชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากที่ชาวประมงได้รับผลกระทบจากการปฏิรูปการประมงของไทยให้ได้มาตรฐานระดับสากล โดยมีภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนเข้าร่วมหารือที่ห้องประชุมรูสะมิแล สำนักงานนอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) จังหวัดปัตตานี
ที่ประชุมได้นำเสนอข้อมูลภาพรวมเรื่องการใช้แรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนในแต่ละประเภทในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการใช้มาตรา 83 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ที่จะประกาศใช้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยได้หารือเรื่องการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนายจ้าง ข้อมูลแรงงานต่างด้าวที่มีกิจการเรือประมงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานการณ์การขาดแคลนแรงงานในสาขาต่าง ๆ ของภาคเอกชนและความต้องการแรงงานต่างด้าวที่สอดคล้องกับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่ประชุมได้ตั้งตัวแทนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 6 คน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีเป็นคนกลางประสานงานและนำเสนอปัญหาที่มีไปยังนายจำนัลเพื่อนำเสนอเรื่องดังกล่าวไปยังนายกรัฐมนตรี โดยมีรายละเอียด เช่น ความต้องการให้สำรวจข้อมูลแรงงานต่างด้าวอย่างเร่งด่วนภายในเดือนตุลาคมนี้ ผลักดันให้พื้นที่ 3 จังหวัดใช้มาตรการพิเศษเรื่องการจ่ายค่าแรงประมง แนวทางการเยียวยาผู้ว่าจ้างที่มีลักษณะคล้ายการพยุงราคาผลผลิตทางการเกษตร และลดขั้นตอนการดำเนินการทางกฏหมาย เป็นต้น
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 23 – 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการประชุมหารือระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐบังกลาเทศ เพื่อพิจารณาส่งเสริมให้มีแรงงานจากสาธารณรัฐบังกลาเทศที่มีทักษะความรู้ ความชำนาญโดยเฉพาะธุรกิจประมง ธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพและบริการ เพื่อให้แรงงานพัฒนาความรู้และทักษะการประกอบอาชีพที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจประมง ตรงกับความต้องการและข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ จึงได้จัดทำข้อเสนอการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาของทั้ง 2 ประเทศ.-สำนักข่าวไทย