fbpx

ตร.เล็งส่งใบสั่งถึงบ้านต้องเซ็นรับ หลังพบคนไม่ยอมเสียค่าปรับพุ่ง

กทม. 21 ต.ค. – ตำรวจเล็งใช้มาตรการใหม่ ส่งใบสั่งถึงบ้าน ต้องมีคนเซ็นรับ เร่งเชื่อมฐานข้อมูลออนไลน์กับขนส่ง หลังพบคนทำผิดจราจรได้รับใบสั่งแล้วไม่ยอมเสียค่าปรับพุ่งสูง





หลังมีข้อมูลสถิติผู้กระทำความผิดที่ได้รับใบสั่งไม่มาชำระค่าปรับจำนวนมาก อาจเพราะประชาชนไม่เกรงกลัวกฎหมายนั้น เรื่องนี้ พลตำรวจโทไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บัญชาการสำนักยุทธศาสตร์ ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามผลบูรณาการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขต กทม. และปริมณฑล ระบุว่า เตรียมเสนอที่ประชุม ให้ส่งข้อมูลใบสั่งไปยังตำรวจท้องที่ เพื่อส่งมอบให้ผู้กระทำผิดถึงบ้าน นอกเหนือจากส่งไปรษณีย์ ลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่นำหมายไปติดที่บ้าน โดยต้องมีผู้รับเซ็นรับทราบ รวมถึงจะส่งข้อมูลไปยังกรมขนส่งทางบกด้วย ซึ่งในการประชุมฯ คาดว่า กรมการขนส่งทางบกจะให้คำตอบจะเริ่มเชื่อมต่อฐานข้อมูลระบบใบสั่งออนไลน์ได้เมื่อใด ซึ่งจะส่งผลให้หากได้ใบสั่งแล้วไม่มาชำระค่าปรับเมื่อนำรถไปต่อภาษีประจำปีจะถูกอายัดทันที


สถิติใบสั่งจราจรในระบบ PTM หรือใบสั่งอัตโนมัติ ส่งถึงบ้าน เมื่อ 7 ตุลาคม 61 มีการออกใบสั่งจราจร รวมกว่า 13.5 ล้านราย ในจำนวนนี้มีผู้กระทำผิดชำระค่าปรับกว่า 2.3 ล้านราย ค้างชำระ 11.2 ล้านราย หรือร้อยละ 83

สำหรับประเภทใบสั่งแยกเป็น แบบสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดและบันทึกในระบบ 2.3 ล้านราย มีผู้กระทำผิดมาชำระค่าปรับ 970,000 ราย ค้างชำระค่าปรับ 1.3 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 58.2 แบบส่งทางไปรษณีย์ 11.2 ล้านราย มีผู้มาชำระค่าปรับ 1.4 ล้านราย ค้างชำระ 9.8 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 88

ด้านนาย กมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยอมรับว่า ยังมีปัญหาในการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงาน ทำให้แม้ประชาชนค้างชำระใบสั่งจราจร ก็ยังสามารถนำรถไปต่อภาษีรถยนต์ได้ เนื่องจากยังมีรายละเอียดหลายขั้นตอนที่ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งข้อมูลพื้นตัวระบบเทคโนโลยี ฐานข้อมูลรถยนต์ และการให้บริการประชาชน ที่สำคัญบางกรณีเป็นรถที่ใช้ลักษณะโอนลอยที่ผู้ขับขี่กับเจ้าของทะเบียนไม่ใช่คนเดียวกัน จึงต้องหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป ปัจจุบันมีผู้มาต่อภาษีรถกว่าวันละ 200,000 คัน ซึ่งหากนำใบสั่งมาเป็นส่วนในการต่อภาษีด้วยจะต้องมีการปรับแก้ทั้งระบบ ส่งผลต่อความรวดเร็วในการบริการที่จะเกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานการเชื่องต่อระบบของ 2 หน่วยงานจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จ .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบรอง ผอ.โรงเรียนดัง หน.แก๊งค้ายา พบข้าราชการเป็นลูกค้าเพียบ

รวบหัวหน้าแก๊งค้ายาเป็น “รอง ผอ.” โรงเรียนดังย่านปากเกร็ด พร้อมสมุน ขยายผลพบลูกค้าเป็นข้าราชการอีกจำนวนมาก

คนไทย-คนจีนขับรถไล่ชนกันหน้าคลับดังเมืองพัทยา คาดหึงหวงสาวที่มาด้วย

รถตู้ 3 คัน และรถฟอร์จูนเนอร์ 1 คัน ขับไล่ชนกันไปมา บริเวณหน้าคลับแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา พบเป็นศึกระหว่างคนไทย 1 กลุ่ม และคนจีน 1 กลุ่ม สาเหตุคาดมาจากคนจีนหึงหวงแฟนสาวที่มาด้วย

ปัญหาต่างชาติในภูเก็ต ตอนที่ 3

ปัจจุบันการเข้ามาทำธุรกิจรถเช่าของต่างชาติที่ใช้คนไทยเป็นนอมินีในภูเก็ตมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับขี่รถของชาวต่างชาติในภูเก็ตก็มากขึ้นด้วย ปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่โยงใยไปถึงเรื่องของภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยทางการท่องเที่ยว ไม่เฉพาะแค่ภูเก็ต แต่เป็นของเมืองไทยด้วย

ศาลอาญาทุจริตฯ ยกฟ้อง คุณหญิงพรทิพย์ และพวก ในคดี GT200

ศาลอาญาทุจริตฯ ยกฟ้อง “คุณหญิงพรทิพย์” และพวกรวม 10 คน ในคดีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT200 ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ระบุไม่พบมีมูลความผิด ทุจริต มีการแสวงหาประโยชนแก่ตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ขอให้เชื่อมั่น นำ ปท.แก้วิกฤติ เหน็บบางคนนั่งบนหอคอย  

“เศรษฐา” ขอให้เชื่อมั่นในตัวนายกฯ เข้าใจธุรกิจ พร้อมนำประเทศแก้วิกฤติ เหน็บบางคนนั่งบนหอคอย ลงมามือเปื้อนดิน ตีนเปื้อนโคลนบ้าง น้อยใจ รมว.คลัง ไม่มีอำนาจลดดอกเบี้ย  

“บิ๊กต่อ” ส่งทนายยื่นฟ้อง “ทนายตั้ม” แฉโยงเส้นเงินพนัน

“บิ๊กต่อ” ส่ง “อัจฉริยะ” เดินหน้าชน “ทนายตั้ม” ยกแรกยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท หลังถูกกล่าวหาว่ามีเส้นเงินจากเว็บพนันโยงคนใกล้ชิด ผบ.ตร.

ทองคำนิวไฮ พุ่งกระฉูด 550 บาท ทองรูปพรรณแตะ 39,000 บาท

ทองคำเปิดตลาดปรับขึ้นรวดเดียว 550 บาท ทองแท่งขายออก 38,500 บาท ทองรูปพรรณขายออก 39,000 บาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่

รถไฟฟ้าสีเหลืองขัดข้องอีกแล้ว (29 มี.ค.)

รถไฟฟ้าสีเหลืองขัดข้องอีกแล้วช่วงสายวันนี้ (29 มี.ค.) ทำให้รถจากสถานีลาดพร้าว เดินทางไปถึงสถานีหัวหมาก ต้องสิ้นสุดที่สถานีศรีกรีฑา