กรุงเทพฯ 20 ต.ค.-ขสมก.จัดรถฟรี7 เส้นทางให้บริการ แก่ประชาชนที่เดินทางไปร่วมกิจกรรมน้อมรำลึก เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 23 ต.ค.นี้ ด้านรัฐบาลเชิญชวน แต่งกายเสื้อโทนสีชมพู
นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดจัดพิธีบำเพ็ญกุศลและกิจกรรมน้อมรำลึก เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 23 ตุลาคม 2561 พร้อมเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมพิธี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ โดยกิจกรรมสำคัญประกอบด้วย
ช่วงเช้าจะมีพิธีทำบุญตักบาตร และพิธีวางพวงมาลาถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ ส่วนช่วงเย็นตั้งแต่ เวลา 19.00 น. จะมีกิจกรรมจุดเทียนเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ ท้องสนามหลวง
ขสมก.จึงจัดเดินรถโดยสารให้บริการฟรี จำนวน 7 เส้นทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินทางไปร่วมกิจกรรมดังกล่าวให้บริการ ตั้งแต่เวลา 12.00 – 21.00 น. หรือจนกว่าจะส่งประชาชนออกจากพื้นที่หมด มีรายละเอียด ดังนี้
1. จัดรถเฉพาะกิจให้บริการฟรี (จอดรับ – ส่งทุกป้าย) จำนวน 6 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 วงเวียนใหญ่ – สนามหลวง จอดรับ – ส่ง บริเวณหน้าหน่วยบัญชาการ รักษาดินแดน, เส้นทางที่ 2 หมอชิต 2 – สนามหลวง จอดรับ – ส่ง บริเวณใต้สะพานพระปิ่นเกล้า, เส้นทางที่ 3 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – สนามหลวง จอดรับ – ส่ง บริเวณใต้สะพานพระปิ่นเกล้า,เส้นทางที่ 4 หัวลำโพง – สนามหลวง จอดรับ – ส่ง บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ , เส้นทางที่ 5 สนามศุภชลาศัย – สนามหลวง จอดรับ – ส่ง บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์, เส้นทางที่ 6 สายใต้ใหม่ – สนามหลวง จอดรับ – ส่ง บริเวณหน้ากองสลากเก่า
2. จัดรถ Shuttle Bus (รับจากจุดจอดรถ – จุดส่ง)1 เส้นทาง คือ เส้นทาง สนามม้านางเลิ้ง – สนามหลวง จอดรับ – ส่ง บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์
ด้านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม ว่า วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในรัชสมัยของพระองค์ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในบ้านเมือง สร้างความ เจริญก้าวหน้าให้ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ ด้วยพระราชกรณียกิจที่ยังความผาสุกให้เกิดแก่ประชาชน ทวยราษฎร์ทั้งปวงจึงน้อมใจแสดงความจงรักภักดี ด้วยการถวายพระนามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” หรือพระพุทธเจ้าหลวง โดยกำหนดให้ทุกวันที่ 23 ตุลาคม เป็น “วันปิยมหาราช”
พระราชกรณียกิจสำคัญที่นับว่าเป็นการปฏิรูปประเทศครั้งยิ่งใหญ่ ก็คือ “การเลิกทาส” อย่างค่อยเป็น ค่อยไป ปราศจากการเสียเลือดเนื้อ หรือการต่อต้านที่รุนแรง เหมือนที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยอาศัยมาตรการทางกฎหมาย และด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ จนประสบความสำเร็จได้ในเวลาเพียง 30 ปีเศษ ทาสในเมืองไทยก็หมดไป นอกจากนี้ ยังมีการปฏิรูประบบราชการให้ทันสมัย การปฏิรูประบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน อาทิ การไฟฟ้า การประปา การไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ และการสาธารณสุข เป็นต้น
สำหรับการเสด็จประพาสยุโรป นับเป็นพระราชกรณียกิจที่สำคัญอีกประการของพระองค์ ที่ไม่เพียงเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ในยุโรปเท่านั้น แต่ยังทรงเลือกสรร เอาแบบแผน ขนบธรรมเนียมอันดีในดินแดนเหล่านั้น มาปรับปรุงประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น เป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันตก ที่สำคัญช่วยให้ชาติไทยเราเป็นประเทศเอกราช ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของใครจวบจนทุกวันนี้
ในการนี้ เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ รัฐบาลได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตร พิธีวางพวงมาลาและถวายบังคม หน้าพระบรมราชานุสรณ์ ณ พระลานพระราชวังดุสิต อีกทั้งพิธีถวายบังคมและจุดเทียน เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ท้องสนามหลวง โดยขอเชิญชวนประชาชน แต่งกายด้วยเสื้อโทนสีชมพูในวันอังคารที่ 23 ตุลาคมนี้ อย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ-สำนักข่าวไทย