กองบัญชาการกองทัพไทย 19 ต.ค.-ผบ.เหล่าทัพ แถลงจุดยืนดูแลชาติสงบ ประชาชนมีความสุข ชี้ยังมีไม่นัยต้องรัฐประหาร ด้าน “พล.อ.อภิรัชต์” เมินการเมืองโจมตีหนัก
พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าว หลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2562
พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ได้มอบนโยบายแก่เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสร้างความเข้าใจและกำหนดนโยบายในการปฏิบัติงานและเป็นไปในทิศทางเดียวกันที่จะขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติการร่วม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชน จำนวน 6 ด้าน ได้แก่ การพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ความเร่งด่วนสูงสุดในการพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ถวายความปลอดภัย ป้องกัน ปราบปรามการล่วงละเมิดพระบรมเดชานุภาพ และให้เผยแพร่พระเกียรติคุณ พระราชกรณียกิจที่สำคัญในทุกโอกาส รวมทั้งสืบสานการพัฒนาแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และดำเนินการตามพระราโชบาย “สืบสาน รักษา ต่อยอด” ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แก่ โครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” การป้องกันประเทศ ให้ใช้การปฏิบัติการร่วมสามเหล่าทัพภายใต้การอำนวยการของกองบัญชาการกองทัพไทย ศูนย์บัญชาการทางทหาร โดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operations) การรักษาความมั่นคงของรัฐ ให้สนับสนุนรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี แผนการปฏิรูปประเทศแผนแม่บทด้านความมั่นคง การแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ และการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจเพื่อความมั่นคงในทุกมิติ การสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับมิตรประเทศ พัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารกับประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศสมาชิกอาเซียน มิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศ โดยในปี 2562 ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นประธานอาเซียน จึงมอบหมายเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมการสนับสนุนการประชุมและกิจกรรมในกรอบของรัฐบาล เช่น การประชุมสุดยอดอาเซียนและในกรอบของกระทรวงกลาโหม ตลอดจนเตรียมการจัดกิจกรรมในกรอบของกองทัพไทย และกิจกรรมในกรอบของเหล่าทัพ เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมในทุกระดับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยอันจะนำมาซึ่งชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย
“ได้กำชับ ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตร. ให้สนับสนุนการพัฒนาประเทศ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การบรรเทาภัยพิบัติ และการฟื้นฟูการอนุรักษ์ธรรมชาติ รวมทั้งทำให้ประเทศก้าวเข้าสู่การมีอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายประชารัฐ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ Thailand 4.0 และการบริหารจัดการกองทัพ โดยบริหารจัดการทรัพยากรของกองทัพไทยให้มีความทันสมัย ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ตลอดจนการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้งบประมาณอย่างประหยัด คุ้มค่า โปร่งใส และตรวจสอบได้” พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว
เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว่า สิ่งที่สามารถทำได้ คือ การให้ความรู้ ความเข้าใจกับกำลังพล ในส่วนที่รับผิดชอบก็คือการทำให้บรรยากาศในทุกพื้นที่มีความสงบ ซึ่งกำลังพลต้องยึดมั่นอยู่ในกรอบหน้าที่
“หน้าที่ของทหาร ตำรวจ ก็คือทำให้ประเทศชาติสงบ มีจุดสมดุลในการให้ข้อมูลเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทั้งนี้สถานการณ์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีความสงบ ไม่มีการประท้วง คนไทยมีความสุข สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ ติดต่อค้าขายด้านเศรษฐกิจก็เป็นไปได้ด้วยดี ทุกคนเคารพกฎหมาย จึงไม่มีอะไรต้องกังวล จุดยืนของทหารคืออะไรก็ได้ที่ทำให้ประเทศมีความสงบประชาชนมีความสุข” พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากในอนาคตเกิดวิกฤติ และ คสช.หมดอำนาจลง ทหารจะมีบทบาทอย่างไร พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า อย่าไปพยากรณ์ว่าจะเกิดการจลาจล การเดินทางของประเทศไทยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมามีพัฒนาการและความก้าวหน้าและมีการเตรียมการเพื่อไปสู่ประชาธิปไตยมาด้วยดีตลอด ดังนั้นอย่าไปคิดว่าจะเกิดการจลาจล
“ถ้าเราทุกคนร่วมมือกัน ตัดสินใจอย่างถูกต้อง และมีจุดยืนที่เหมาะสมร่วมกัน ไม่ต้องคิดว่าจะมีจลาจลหรือไม่ และไม่ต้องคิดว่าทหารจะต้องทำอะไร ส่วนสิ่งที่ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารอากาศได้กล่าวไปนั้น ได้พูดด้วยประสบการณ์ ซึ่งนั่นคือแผนเผชิญเหตุ แต่ในขณะที่กฎระเบียบบ้านเมืองก็ยังใช้บังคับได้ ทุกคนยังเคารพกฎหมาย ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ยังไม่มีนัยสำคัญถึงขนาดนั้นที่จะต้องทำให้กังวล เราด่วนไปคุยในเรื่องที่ยังไม่เกิดและไม่มีทีท่าว่าจะเกิด ซึ่งจะทำให้สังคมกังวล เรารับข้อมูลถูกต้อง อย่าตื่นเต้นกับประเด็นที่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา เล็ก ๆ น้อย ๆ” พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการปฏิวัติหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวย้ำว่า จุดยืนของกองทัพและตำรวจ คือ จุดที่ประชาชนมีความสุขและประเทศชาติมีความสงบ และยังไม่เห็นโอกาสที่จะเกิดความไม่สงบ ยังไม่เห็นว่าจะต้องแก้ปัญหาความไม่สงบด้วยวิธีใดในเมื่อกฎหมายยังใช้บังคับได้
ด้าน พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวถึงกรณีถูกฝ่ายการเมืองโจมตีรุนแรง หลังแสดงจุดยืนทางการเมือง ว่า เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ระบุว่าจะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีข้อหากบฏ ที่ สน.ลาดพร้าว ว่า ก็ว่าไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเดินออกมาจากห้องแถลงข่าว ผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินไปลูบและไหว้ป้ายชื่อ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ผู้เป็นบิดา ซึ่งอยู่บนทำเนียบอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด บนตึกกองบัญชาการกองทัพไทย.-สำนักข่าวไทย