สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ 19 ก.ย.- ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ร่วมประชุมครั้งสุดท้าย ก่อนเกษียณอายุราชการ ถกแนวทางพัฒนาอากาศยานไร้คนขับ
พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ณ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย โดยมี พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม
ก่อนเริ่มการประชุม ทุกคนได้ร่วมกันยืนสงบนิ่งไว้อาลัยแก่ทหารหาญ จำนวน 15 นาย และพลเรือนผู้บริสุทธิ์จำนวน 14 ราย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาจากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวเปิดการประชุมว่า การประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดในครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายประจำปี 2568 และขอแสดงความยินดีกับผู้บังคับบัญชาทุกคน ที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รับราชการสนองพระเดชพระคุณ เพื่อดูแลแผ่นดินไทยต่อไปในอนาคต ซึ่งถือเป็นสิริมงคลและเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ และนอกจากการร่วมไว้อาลัยให้ผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุชายแดนไทย – กัมพูชา ยังขอไว้อาลัยให้กับตำรวจนายหนึ่งที่เสียชีวิตในภารกิจปราบปรามยาเสพติดในจังหวัดตรัง ด้วย
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวด้วยว่า ก่อนการประชุม ได้หารือกับคณะผู้บัญชาการทางทหาร เกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ต่อภัยคุกคามในปัจจุบัน ซึ่งในวันนี้ ทุกคนจะต้องมาร่วมกันคิดเรื่องโครงการดำเนินงานต่อเนื่องเพื่อรับมือภัยคุกคามทุกรูปแบบ และเป็นการส่งต่อการบังคับบัญชาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการประชุมวันนี้ ทุกเหล่าทัพได้นำเสนอความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAS) และระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (CUAS) เช่น กองทัพไทย ได้บูรณาการความร่วมมือกับผู้ประกอบการภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาภายในประเทศ ในการพัฒนาโดรนโจมตีเชิงรุก และระบบต่อต้านโดรน เพื่อพัฒนาไปสู่สายการผลิต นำไปสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน และสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย
กองทัพบก นำเสนอการพัฒนาระบบอากาศยานไร้คนขับ และระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งจากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา กองทัพบก อยู่ระหว่างการจัดตั้งศูนย์สงครามอากาศยานไร้คนขับ และกองพันอากาศยานไร้คนขับ เพื่อเป็นหน่วยรับผิดชอบอำนวยการ แล้วบูรณาการใช้งาน UAV ของกองทัพบก ซึ่งจะทดลองปฏิบัติ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ของปีนี้ จนถึงวันที่ 31 มีนาคม ในปีหน้า
กองทัพเรือ นำเสนอแนวคิดการใช้อากาศยานไร้คนขับตามแนวทางของหน่วย ซึ่งในปัจจุบันกองทัพเรือ มีUAS ประจำการอยู่ 3 แบบ เพื่อสนับสนุนภารกิจในการตรวจการณ์ของกองทัพเรือ พร้อมกันนี้ ยังได้กำหนดทิศทางพัฒนาขีดความสามารถ ให้มีระบบที่สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะ การพัฒนาในพื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบ และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี – ตราด
ส่วนกองทัพอากาศ เห็นว่าเทคโนโลยีและขีดความสามารถของอากาศยานไร้คนขับ ที่จะกลายเป็นกำลังรบหลักทางอากาศในอนาคต จึงกำหนดแผนการพัฒนากิจการอากาศยานไร้คนขับของกองทัพอากาศ 25 ปี 2566 – 2590 รวมทั้งพัฒนาระบบต่อต้านอากาศยานได้คนขับบนแนวคิด ‘การป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการ’ เพื่อนำความได้เปรียบของระบบเครือข่ายทางยุทธวิธี มาใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบบัญชาการ และควบคุมระบบตรวจจับเป้าหมายทางอากาศและระบบต่อสู้อากาศยาน รวมทั้งระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับตามขีดความสามารถของยุทโธปกรณ์ที่มี
ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้พัฒนาขีดความสามารถการใช้อากาศยานไร้คนขับ ในภารกิจต่าง ๆ เช่น การถวายความปลอดภัย งานสืบสวนและความมั่นคง งานจราจร งานบรรเทาสาธารณภัย และงานอำนวยการ เช่น การทำแผนที่มุมสูงแบบ 2 หรือ 3 มิติ เพื่อวางแผนปฏิบัติการ โดยพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพอย่างสุดความสามารถ เพื่อดูแลประชาชนและประเทศชาติต่อไป
การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพในครั้งนี้ เป็นการประชุมครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผู้บัญชาการเกือบทุกเหล่าทัพ จะเกษียณอายุราชการ ยกเว้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เกษียณอายุราชการในปี 2569 และผู้บัญชาการทหารบก ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2570.-สำนักข่าวไทย