อิมพีเรียล ลาดพร้าว 19 ต.ค.-จตุพรระบุเพื่อชาติจะร่วมงานพลังประชารับหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค ชี้ พูดคุยหารือกันได้ แต่ร่วมงานกันไม่ได้
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกระแสข่าวว่านายจตุพรและนายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำพรรคเพื่อชาติมีปัญหากับพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับการส่งตัวผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) และพร้อมร่วมงานพรรคพลังประชารัฐ สนุบสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ว่า ตนและนายยงยุทธเป็นเพียงผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติเท่านั้น ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารหรือสมาชิกพรรค แต่กลับมีข่าวปล่อยสร้างความรู้สึกไม่ดีให้เกิดกับผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ โดยเฉพาะผู้ที่รักประชาธิปไตย
“ผมยังทำหน้าที่เป็นประธานนปช. ชื่อกลุ่มมีความชัดเจนว่าต่อต้านเผด็จการ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสนับสนุนเผด็จการ ส่วนในอนาคตหลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อชาติจะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค เป็นเรื่องอนคต ซึ่งผมหวังว่าผู้นำพรรคจะตัดสินใจตามความต้องการของประชาชนที่รักประชาธิปไตย ซึ่งผมเห็นว่าสามารถพูดคุยหารือร่วมกันได้ แต่จะร่วมมือกันทางการเมืองไม่ได้ ส่วนกลุ่มนปช.และพรรคเพื่อไทยแม้จะมีข่าวว่าขัดแย้ง แต่ข้อเท็จจริงไม่มีปัญหากัน เพราะทุกคนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นอย่างดี ” นายจุตพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกระบุว่าหากประเทศยังวุ่นวาย มีจลาจล ยังไม่ปิดประตูรัฐประหาร ว่า เป็นเรื่องดีที่พล.อ.อภิรัชต์แสดงความชัดเจนเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้ผู้ที่ทำรัฐประหารทุกครั้งจะไม่พูดแบบนี้ แต่ทำ ดังนั้น เมื่อทุกฝ่ายรู้เงื่อนไขว่าการปฏิวัติจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดการจลาจล จึงอยากเสนอให้ทุกคนหันหน้าพูดคุยกันเพื่อลดเงื่อนไข ช่วยกันดูแลให้บ้านเมืองมีความสงบสุข
“แต่ผมยังมีความเป็นห่วงว่าการที่รัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ลงเล่นการเมืองและไม่ลาออกจากตำแหน่ง อาจทำให้การเมืองไทยซ้ำรอยประวัติศาสตร์การเลือกตั้งในปี 2500 ที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชน์ปฏิวัติรัฐบาลจอมพลป. พิบูลสงคราม โดยอ้างเงื่อนไขการเลือกตั้งไม่บริสุททธิ์ยุติธรรม” นายจตุพร กล่าว
ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีระบุว่าพรรเพื่อไทยและพรรคเครือข่ายจะได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ว่า เป็นการแสดงความเห็นหรือประเมินเฉพาะตัวบุคคล การเลือกตั้งครั้งหน้ายังอีกยาวไกล อยู่ที่ประชาชนเป็นผู้กำหนด ซึ่งสิ่งที่อยากเห็นคือการเลือกตั้งที่เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม
“ผมไม่ได้ครอบงำพรรคเพื่อชาติ แต่การเมืองในขณะนี้มีสองซีก คือฝ่ายประชาธิปไตยกับฝั่งเผด็จการ ซึ่งทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ส่วนพรรคการเมืองเมือง ในทางกฎหมายแล้วไม่สามารถเป็นนอมินีได้ ทุกพรรคต้องต่อสู้กันเต็มที่.-สำนักข่าวไทย
