กรุงเทพฯ 19 ต.ค. – กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลสู่อุตสาหกรรมชีวภาพ พร้อมตั้งเป้าให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นฮับของอุตสาหกรรมชีวภาพอาเซียนในปี 70
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในการเสวนาเรื่อง “ก้าวต่อไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย” ว่า ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายที่จะยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทยไปสู่อุตสาหกรรมชีวภาพ เนื่องจากเป็นพืชเกษตรที่มีความพร้อมมากที่สุด จากนั้นจะขยายสู่พืชอื่นต่อไป เช่น มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ โดยเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของไทย ปี 2561-2570 โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวภาพของอาเซียนภายในปี 2570 ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินจริง เน้นผลิตภัณฑ์เป้าหมายทั้งพลาสติกชีวภาพ เคมีชีวภาพ และชีวเภสัชภัณฑ์ ซึ่งจะมีการดูแลเรื่องตลาด คาดว่าจะก่อให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพในไทยอย่างน้อย 190,000 ล้านบาท และทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 85,000 บาทต่อคนต่อปี
ขณะนี้มีเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศสนใจลงทุนอุตสาหกรรมชีวภาพ โดยต่างประเทศ ได้แก่ คอร์เดี้ยนจากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียที่มีบริษัทลูกในไทยจะขยายการลงทุนเพิ่ม และเนเจอร์เวิร์คจากสหรัฐอเมริกาที่ บมจ.ปตท.มีการถือหุ้นอยู่ส่วนหนึ่ง จีซีซี คริสตอลา จำกัดในเครือไทยเบฟ เป็นต้น
นายอุตตม กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทยสู่ระบบเสรี มีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ และปฏิบัติตามพันธกรณีขององค์การการค้าโลก (WTO) เนื่องจากรายได้ร้อยละ 75 ของอุตสาหกรรมอ้อยฯ มาจากการส่งออกเป็นหลัก ด้านกฎหมายมีการแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาล เพื่อให้สามารถนำอ้อยไปผลิตอุตสาหกรรมชีวภาพ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงพัฒนาศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้ง 4 ภาค คือ ชลบุรี กาญจนบุรี กำแพงเพชร และอุดรธานี ให้พร้อมสู่การเป็นศูนย์แห่งการวิจัย และขณะนี้ปรับปรุงอุปกรณ์เครื่องมือของห้องปฏิบัติการและกระทรวงอุตสาหกรรม และยังตั้งศูนย์การปรับปรุงพันธุ์อ้อยแห่งประเทศไทยขึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการปรับปรุงพันธุ์อ้อย พร้อมขยายผลบทบาทหน้าที่ของศูนย์กลางการปรับปรุงพ้นธุ์อ้อยแห่งประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการปรับปรุงพันธุ์อ้อยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น
นายอุตตม กล่าวว่า ขณะนี้ไทยอยู่ในจุดที่พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้ว หลังจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลออกและแก้ไขกฎหมายรวมกว่า 300 ฉบับ และวันนี้โอกาสได้มาถึงทุกคนยอมรับไทยเด่นในเอเชีย ดังนั้น ต้องใช้โอกาสจากสิ่งที่ไทยมีในวันนี้ คนไทยจะต้องตื่นรู้มากกว่านี้และมองไปในอนาคตข้างหน้า. – สำนักข่าวไทย