กระทรวงแรงงาน 18 ต.ค. – ก.แรงงาน เตรียมมาตรการรองรับผีน้อย หลังทยอยกลับมาเเล้วกว่าพันคน ก่อนเกาหลีดีเดย์ 1 พ.ย. ด้านสมาคมท่องเที่ยวเผยรับผลกระทบหนัก นักท่องเที่ยวโดนเหมารวมเป็นแรงงาน สกัดไม่ให้เข้าประเทศ
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาแรงงานไทยถูกหลอกลวง และลักลอบไปทำงานในสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1/2561 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเเละกงสุลเกาหลีประจำประเทศไทย เพื่อรับทราบความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อประสานความร่วมมือการสกัดกั้นคนหางานที่ลักลอบไปทำงานในสาธารณรัฐเกาหลี
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า หลังพบปัญหาเเรงงานไทยลักลอบเข้าทำงานที่เกาหลีกว่า 120,000 คน จากเเรงงานทั้งหมด 180,000 ซึ่งเป็นเเรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียง 60,000 คน โดยในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เกาหลีจะดำเนินการอย่างเข้มงวด หลังมีมาตราการผ่อนปรนให้กลับประเทศได้ตั้งเเต่เดือน 1 ตุลาคม 2561- 31 มีนาคม 2562 โดยไม่ขึ้นบัญชีดำหรือเเบล็คลิสต์ เเต่หากหลังจากนี้พบว่าลักลอบ จะไม่สามารถเดินทางเข้าเกาหลีได้เป็นเวลา 10 ปี
กระทรวงเเรงงานเตรียมพร้อมรองรับคนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศเกาหลี โดยมีมาตรการขยายตลาดเเรงงานใน 3 ด้าน คือ มาตรการรองรับเเรงงานที่สมัครใจกลับประเทศ โดยจะตั้งศูนย์ช่วยเหลือดูเเลเเรงงานไทยในประเทศเกาหลี อาจจะเป็นสนามบินในประเทศเกาหลี เพื่อดูเเลเเรงงานไทย พร้อมตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือแก่เเรงงานไทยที่เดินทางกลับจากเกาหลี 2 จุด คือ ด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิเเละด่านดอนเมือง เเละสั่งสำนักงานจัดหางานเเต่ละจังหวัดดูเเลเเรงงานที่ต้องการกลับไปทำงานในภูมิลำเนา โดยขณะนี้มีตำเเหน่งงานรองรับเเล้วกว่า 1 เเสนอัตรา แบ่งเป็นในประเทศ 62,174 อัตรา ส่วนในต่างประเทศมีกว่า45,000 อัตรา เช่น ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง เเละยุโรป ขณะเดียวกันจะมีการฝึกอบรมทักษะภาษาเกาหลีหรือทักษะอื่นๆให้กลับเเรงงานที่เดินทางกลับมาด้วย
มาตราการต่อมา คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการส่งเเรงงานไทยเข้าไปทำงานในเกาหลีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เตรียมขอเพิ่มโควต้าในการจัดส่งเเรงงานไทยเข้าทำงานในเกาหลีภายใต้โครงการ EPS จาก 5,000 อัตรา เป็น 15,000 อัตรา รวมถึงขอขยายเวลาการทำงานจากเดิม 9 ปี 8 เดือน เป็น 14 ปี ขอขยายอายุของเเรงงานไทย เดิม 39 ปี เป็นไม่เกิน 45 ปี ขอเพิ่มสัดส่วนการคัดเลือกเเรงงานหญิงไทยทำงานมากขึ้น
เเละสุดท้าย คือ การสร้างความเชื่อมั่นในการการลักลอบไปทำงานในเกาหลี ด้วยการตั้งทีมเฝ้าระวังทางโลกออนไลน์ ตรวจสอบบริษัทหรือนายหน้าที่หลอกลวง รวมถึงตั้งชุดเฝ้าระวังที่สนามบินด้วย เเละทำงานร่วมกับปปง.ตรวจสอบ หากจับกุมรายใหญ่ได้ก็จะลดปัญหานี้ได้ เเละเพิ่มการประสานงานอย่างเเน่นเเฟ้นมากยิ่งขึ้นระหว่างรัฐบาลไทยเเละเกาหลี
ด้าน นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล รองอธิบดีกรมจัดหางาน กล่าวว่า แรงงานไทยชอบไปเกาหลี เพราะได้รับค่าตอบเเทนสูง ประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน เเละนายจ้างเกาหลีก็ชอบเเรงงานไทยเพราะตั้งใจทำงาน เเต่โควต้าที่มีกำจัด 5,000 อัตรา ทำให้ยอมลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่งผลให้ บางเดือนเกาหลีระงับการเดินทางของคนไทยกว่าร้อยละ 82 รายงานจากข้อมูลของตม.เกาหลี ระบุช่วง 1-14 ต.ค.61เเรงงานไทยเดินทางกลับ แล้ว 940 คน คาดว่าส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจ ขณะที่ตั้งเเต่ต้นปี มีเเรงงานถูกสกัดไม่ให้เข้าประเทศเฉลี่ยเดือนละ 800 คน
ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รระบุ จากข้อมูลพบว่าเเรงงานส่วนใหญ่สมัครใจไป และมีนายหน้า หรือบริษัททัวร์พาไป เเละจัดหางานให้ ส่วนใหญ่ เป็นงานในโรงงานการเกษตร เเละนวดเเผนไทย ซึ่งอาชีพนวดส่วนใหญ่ก็จะถูกหลอกไปขายบริการต่อ โดยการที่นายกน้าไป บางคนไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เเต่จะใช้วิธีการหักเงินเดือนเดือนเเรก หรือหนักสุดก็เบี้ยวค่าเเรงทั้งหมด พร้อมขอให้สำนักงานป้องกันเเละปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ตรวจสอบบริษัทนายหน้าที่หลอกเเรงงานด้วย
ขณะที่นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช อุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว กล่าวว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวจะถูกเหมารวมอาจเป็นแรงงานผิดกฎหมายด้วย เเละถูกตีกลับเดือนละกว่า 100 คน เพราะมีบริษัททัวร์ที่เเฝงขายทัวร์ให้เเรงงานลักลอบเข้าทำงาน โดยเอาโปรแกรมท่องเที่ยวบังหน้า ซึ่งมีการประชาสัมพันธ์ในเฟสบุ๊คอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย รวมถึงมีการวางเเผนอย่างดีเพื่อไม่ให้ ตม.เกาหลีจับได้ เช่น การฝึกพูด เตรียมชุดข้อมูล และเสื้อผ้าใหม่ ซึ่งตนเคยเเฝงตัวเข้าไปตรวจสอบเเละเเจ้งกับเจ้าหน้าที่ของ ก.เเรงงาน เเต่พบมีเจ้าหน้าที่ทำงานช่วงกลางคืนเเค่คนเดียว ทั้งที่เป็นช่วงที่สายการบินโลว์คอสจะเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งหากจะตรวจสอบจะพบได้ง่ายกว่าตอนกลางวัน ถือเป็นการสกัดกั้นตั้งเเต่ต้นทาง จึงเสนอให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้น เพื่อสกัดกั้นทันเวลา พร้อมขอให้เกาหลีสร้างมาตรฐานราคาการท่องเที่ยว อย่าทำเเบบทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะจะยิ่งทำให้เเรงงานถูกนายหน้าบริษัทท่องเที่ยวหลอกได้โดยง่าย.-สำนักข่าวไทย