กรุงเทพฯ 18 ต.ค. – กรมสรรพากรเก็บภาษีปีงบฯ 61 สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 7 หลังเพิ่มประสิทธิภาพ เก็บภาษีสำคัญเพิ่มขึ้น
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2561 ได้ 1,916,088 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนหน้า 123,278 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7 และสูงกว่าเป้าหมายที่ได้รับมอบหมายจาก 4 หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) 46,688 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมายที่ร้อยละ 2.5
นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ 2561 กรมสรรพากรได้มีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ทำให้สามารถจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสูงถึง 20,000 ล้านบาท ได้แก่ การตรวจวิเคราะห์ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีผลขาดทุนหรือมีกำไรทางบัญชีสูงแต่ชำระภาษีต่ำ การออกหมายเรียกตรวจสอบภาษีอากรผู้ออกและผู้ใช้ใบกำกับภาษีปลอม และการแนะนำทางภาษีอากรกับกลุ่มธุรกิจเงินสด และธุรกิจที่มีศักยภาพในการเสียภาษี ประกอบกับผลจัดเก็บภาษีสำคัญได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลเก็บได้ 663,514 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 6.0 ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเก็บได้ 63,679 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 61.7 จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และภาษีมูลค่าเพิ่มเก็บได้ 792,998 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 6.8 จากการเก็บภาษีจากการบริโภคและการนำเข้าที่ดีขึ้นจากปีก่อน ๆ
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรได้รับเป้าหมายจัดเก็บตามเอกสารงบประมาณ 2562 จำนวน 2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2561 จำนวน 83,912 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.4 ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย กรมสรรพากรจะมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงานมากขึ้น ได้แก่ การนำดิจิทัลมาใช้ในการขับเคลื่อนงานของกรมสรรพากร เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษีอากร รวมทั้งการจัดการวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการคัดเลือกผู้เสียภาษีเพื่อกำกับและตรวจสอบ และการวิเคราะห์ข้อมูลของห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ จะเร่งการขยายฐานภาษีและการสร้างความสมัครใจในการเสียภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรให้ยั่งยืนต่อไป .-สำนักข่าวไทย