ทำเนียบฯ 17 ต.ค. – รองนายกรัฐมนตรียืนยันบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ต้องเปลี่ยนชื่อ มุ่งช่วยเหลือชาวบ้านตรงจุด ย้ำชัดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นแผนสำคัญของทุกประเทศ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันการใช้ชื่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะเป็นกลไกสำคัญช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตรงกลุ่ม ตรงเป้าหมาย ไม่มีการรั่วไหล เพราะส่งเงินช่วยเหลือโดยตรงไปถึงตัวชาวบ้าน และภาครัฐยังใช้ข้อมูลประเมินความต้องการของผู้มีรายได้น้อย หาสวัสดิการช่วยเหลือได้อีกหลายด้าน ผู้ได้รับการช่วยเหลือจะต้องถูกประเมินผ่านการลงทะเบียน รัฐบาลไม่เคยเรียกว่าบัตรคนจน หรือบัตรอย่างอื่น จึงอยากให้คนวิจารณ์บัตรสวัสดิการฯ ศึกษาเรื่องบัตรสวัสดิการให้ครอบคลุมถ่องแท้
สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีความจำเป็นของทุกประเทศต้องมีแผนระยะยาวในการพัฒนาประเทศ เพราะในช่วงที่ไม่มีแผนระยะยาวพัฒนาประเทศได้มีการเรียกร้องให้จัดทำแผนระยะยาวขึ้นมาก แต่เมื่อบังคับใช้กลับมีการวิจารณ์ ขณะที่มาเลเซียกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 2020 จนขณะนี้จะครบกำหนดและจัดทำแผนระยะยาวใหม่อีกฉบับแล้ว ซึ่งได้ลงทุนทั้งด้านไอทีพัฒนา พัฒนาด้านต่าง ๆ คืบหน้าอย่างก้าวกระโดดไปมากแล้ว อีกทั้งหากพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า รัฐบาลพร้อมประคองการบริหารบ้านเมืองเหมือนทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ไม่ได้มุ่งอนุมัติโครงการขนาดใหญ่เพิ่มเติม เพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปเป็นผู้พิจารณา จึงไม่จำเป็นว่ารัฐมนตรีคนใดต้องลาออก
ส่วนร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รัฐบาลยังต้องผลักดันให้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในสมัยนี้ เพราะยังมีความสำคัญในการจัดเก็บภาษีจากทรัพย์สิน ยอมรับว่าการตั้ง “บรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ” เป็นแนวคิดดี แต่หากผู้บริหารองค์กรเข้ามาดูแลไม่ตรงตามข้อกำหนด อาจมีความเสียหายเกิดขึ้นได้ และขณะนี้รัฐวิสาหกิจหลายแห่งได้ผ่านการฟื้นฟูกิจการตามกำหนด กรรมาธิการ สนช.จึงต้องหารือร่วมกันเพิ่มเติม สำหรับการลงทุนซื้อฝูงบินใหม่ของการบินไทย 23 ลำไม่ว่าจะเป็นแนวทางการเช่า หรือจัดซื้อ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม จะหารือร่วมกันได้ข้อสรุป เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว ในส่วนของการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก ในการสร้างศูนย์ซ่อม จะเปิดประมูลภายในสิ้นปีนี้ได้อย่างแน่นอน .-สำนักข่าวไทย