สธ.16 ต.ค.- นายกสภาเภสัชกรรม ประกาศเดินหน้าค้านร่างพ.ร.บ.ยา พ.ศ..จนถึงที่สุด หลังมีการสอดไส้
เพิ่มร้านขายยาพันธุ์ใหม่ เป็นร้านขายยาสะดวกซื้อ จี้รมว.สธ. เลขา อย.ชี้แจง
ดร.ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวถึงกรณีร่างพ.ร.บ.ยา พ.ศ..ที่เตรียมเสนอที่ประชุม ครม.ว่า ทางสภาเภสัชกรรมจะเดินหน้าคัดค้านให้ถึงที่สุด เนื่องจากทราบว่ามีการสอดไส้ข้อความ ในส่วนของร้านขายยา ที่แต่เดิมไม่มีในร่างมาก่อน ซึ่งแต่เดิมร้านขายยาของไทย มี 2 ประเภท ได้แก่ ประเภท ขย.1 คือ ร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำดูแล และประเภท ขย.2 คือร้านขายยาทั่วไป ที่ไม่มีเภสัชกรประจำ และกฎหมายกำหนดให้มีใบอนุญาตร้านขายยา ซึ่งจะหมดอายุ เมื่อผู้รับอนุญาตเสียชีวิต แต่ในร่างฉบับใหม่ที่เตรียมเสนอนี้ กลับเพิ่มร้านขายยาพันธุ์ใหม่เข้าไปแทน จึงมีความสงสัย หรือว่าจะจริงอย่างข่าวลือ จะมีร้านขายยาสะดวกซื้อ เพราะในมาตรา 24 (3) จากเดิม เขียนว่า การขายปลีกยาแผนปัจจุบันที่ไม่ใช่ยาที่จ่ายโดยเภสัชกร หรือยา ตามใบสั่ง ผู้มีหน้าที่ปฎิบัติการจะเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม,วิชาชีพเวชกรรม,วิชาชีพทันตกรรม ,วิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ แต่กลับเพิ่มข้อความหรือ ผู้ผ่านการอบรมโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)
ดร.ภก.นิลสุวรรณ กล่าวว่า สิ่งที่ร้านขายยาพันธุ์ใหม่นี้น่ากลัว และอันตรายก็เพราะว่า ผู้จ่ายยาเป็นใครก็ไม่รู้ แค่ผ่านการอบรมจะเพียงพอหรือไม่ สำหรับความรู้เรื่องยา อีกทั้งร้านขายยาสะดวกซื้อ การจัดเก็บยายอมไม่ปลอดภัย ไม่มีการจัดเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสมในการตรวจสอบวันหมดอายุที่ชัดเจน เพราะยาไม่ใช่อาหาร ในร้านขายยาอุณหภูมิต้องเท่ากันและพอเหมาะ จึงจะเก็บยาที่มีอายุตามฉลากได้ 2 ปี
ดร.ภก.นิลสุวรรณ กล่าวว่า ทั้งนี้เตรียมทำหนังสือความคิดเห็นค้านร่างดังกล่าวต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เนื่องจากเห็นว่ายังมีประเด็นที่เป็นปัญหา และไม่เหมาะสมในการตรากฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและเลขาธิการอย. ชี้แจงในเรื่องนี้เพื่อความกระจ่าง
สำหรับสถานการณ์ร้าน ขายยาในประเทศไทยปัจจุบันพบว่ามีร้านขายยา ประเภท ขย.1จำนวน 17,000 แห่ง ประเภท ขย 2 จำนวน 2,700-2,800 แห่ง และการจ่ายยาตามสถานพยาบาลอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้มีจุดจ่ายยารวม 33,000 แห่ง มีสัดส่วนครอบคลุมมากขึ้น โดยคิดเป็นอัตราส่วนของจุดจ่ายยา 1 แห่ง 2,000 คน.-สำนักข่าวไทย