6 ต.ค. – ปัญหาเรื่องร้องเรียน เสียงระฆัง ไม่ได้มีแค่ถนนย่านพระราม 3 วัดไทร ที่มีผู้พักแต่พบอีกที่ คือที่ วัดปริวาสราชสงคราม ที่ถูกโวยสารพัดเรื่อง จนต้องปรับตัว ควักเงินติดกระจกหอสวดมนต์ หวังเก็บเสียง ลดผลกระทบให้มากที่สุด
เรื่องร้องเรียนสารพัด ทั้งเสียงตีระฆัง เสียงสวดมนต์ กระทั่งกลิ่นควันจากการเผาศพ วัตรปฏิบัติ ทางศาสนิกกิจของวัดปริวาสราชสงคราม ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายร้อยปี กลายเป็นปัญหาของผู้พักอาศัยในคอนโด ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ข้างๆ วัด ประมาณ 2 ปี เจ้าหน้าที่วัด เล่าว่า ตนทำหน้าที่ดูแลวัดมานานกว่า 10 ปี ไม่เคยมีการร้องเรียน จนกระทั่ง มีคอนโดฯ อยู่ข้างวัดได้ไม่นาน ก็มีโทรศัพท์เข้ามาร้องเรียนตลอดเวลา ซึ่งก็จะเป็นคนเดิมๆ มีเพียง 1-2 ราย
ปัญหาที่เกิดขึ้น เจ้าอาวาสไม่นิ่งเฉย นำเงินจากจิตศรัทธาของญาติโยม ปรับปรุงหอสวดมนต์ ด้วยการติดกระจกทึบ ทำหลังคาครอบ แล้วเสร็จตั้งแต่ปีที่ผ่านมา พร้อมนำระฆังมาไว้ในหอสวดมนต์ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวน หมดไปหลายแสนก็ยอม หวังให้วัดอยู่ร่วมกับคนอย่างสันติ
นอกจากนี้ทางวัดกำลังก่อสร้าง หอปฏิบัติธรรม บังหอระฆัง หวังช่วยลดระดับเสียง ที่อาจกระทบกับคนในคอนโด ขณะที่ผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาทำบุญในวัดแห่งนี้ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ระฆังเป็นเสียงที่มีเสน่ห์ ทำให้จิตใจสงบสุขควรภูมิใจที่มีศาสนาเป็นของตัวเอง
ตั้งแต่เกิดข้อพิพาทระหว่างผู้พักอาศัยในคอนโดกับวัด นิติบุคคลไม่เคยแสดงตัว เพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่ไปร้องกับเขตยานนาวา สำนักพุทธฯ ลามไปถึงศูนย์ดำรงธรรม ขณะเดียวกันทีมข่าว พยายามสอบถามข้อเท็จจริงกับนิติบุคคลของคอนโดดังกล่าว ที่อยู่ห่างจากวัดประมาณ 200 เมตร กลับได้รับคำตอบ ว่าไม่สะดวก และจะติดต่อกลับ
ขณะที่เรื่องของระฆังจะไม่จบแค่นั้น ล่าสุด พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม เปิดเผยว่า กรณีมีคนร้องเรียนเรื่องระฆังเสียงดัง ก็เตรียมตรวจสอบ หากผู้ร้อง ให้ชาวต่างชาติเช่าพักอาศัย ต้องตรวจสอบว่าผู้เช่าได้แจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ทราบหรือไม่ว่า มีชาวต่างชาติมาพักอาศัยตามมาตรา 38 พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง หากไม่แจ้งผู้ให้เช่ามีโทษตามกฏหมาย ส่วนชาวต่างชาติที่พักอาศัยต้องถูกตรวจสอบว่าแจ้งถิ่นที่อยู่ตรงกับที่แจ้งไว้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ หากตรวจสอบว่าไม่ตรงกันจะถูกเพิกถอนวีซ่าการอยู่ในราชอาณาจักรไทยแล้วผลักดันออกนอกประเทศ