ไทม์ไลน์เหตุการณ์คนร้ายบุกฆ่าเจ้าของปั๊มน้ำมันสระแก้ว

สระแก้ว 5 ต.ค.-ลำดับเหตุการณ์คนร้ายบุกสังหารเสี่ยปั๊มน้ำมันที่ จ.สระแก้ว และภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัส เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดยแรกเริ่มตำรวจยังไม่แน่ชัดว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร กระทั่งสืบสวนหาหลักฐาน จนนำไปสู่การออกหมายจับ


ย้อนกลับไปช่วงเช้าวันที่ 30 กันยายน ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว เข้าตรวจสอบปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งบนถนนเทศบาล 6 อ.เมืองสระแก้ว หลังมีเหตุยิงกัน พบผู้เสียชีวิต คือ นายประชา วรทัด อายุ 52 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ท้ายทอย ทะลุใบหน้า นอนจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน ใกล้กันพบนางปาลิดา วรทัด อายุ 49 ปี ถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกัน 5 นัดซ้อน ถูกนำส่งโรงพยาบาล โดยมีการเก็บหลักฐานและลายนิ้วมือแฝง พร้อมตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย โดยเชื่อว่าก่อเหตุเพียงลำพัง ขณะที่ลูกสาวของผู้เสียชีวิตวัย 30 ปี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยอาการโศกเศร้า


ในวันเดียวกัน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บินด่วนลงพื้นที่ติดตามคดี พร้อมสั่งชุดสืบฯ เร่งล่าคนร้าย และให้ชุดนอกเครื่องแบบคุ้มครองพยานอย่างเต็มกำลัง เพราะเหตุการณ์นี้คาดว่าไม่ใช่การฆาตกรรมเพื่อชิงทรัพย์ และอาจมีผู้อยู่เบื้องหลัง


วันที่ 1 ตุลาคม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุ แต่ยังตอบไม่ได้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนในพื้นที่หรือนอกพื้นที่ ซึ่งจากการสืบสวนจำกัดวงผู้ต้องสงสัยได้มาก พุ่งปมปัญหามาจากเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ตัดประเด็นความขัดแย้งทางธุรกิจ 

วันที่ 2 ตุลาคม ชุดสืบสวนฯ เร่งทำงานในทางลับ พร้อมเร่งสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง และเก็บหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบกว่า 10 จุด ขณะที่บุตรสาวผู้ตายบอกว่า พ่อแม่อาจมีปัญหาเรื่องที่ดิน ที่มีการตกลงซื้อขายกับคนๆ หนึ่ง จึงเป็นชนวนเหตุ

วันที่ 3 ตุลาคม เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อผู้บังคับการตำรวจภูธรสระแก้วระบุว่า คดีคืบหน้าไปร้อยละ 50 ส่วนประเด็นสั่งตายคือ เรื่องส่วนตัว และปัญหาการทวงคืนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นปั๊มน้ำมัน ซึ่งผู้ตายและภรรยาซื้อต่อมาจากญาติราคา 5 ล้านบาท ขณะที่ชุดพิสูจน์หลักฐานเร่งตรวจสอบหลักฐานในรถเบนซ์สีดำและรถจักรยานยนต์สีฟ้าที่ยึดมา เพื่อหาความเชื่อมโยง

กระทั่งเมื่อวานนี้ (4 ต.ค.) คณะทำงานได้ตรวจสอบเอกสารสิทธิและทรัพย์สินของเหยื่อ พร้อมสอบปากคำพยานแวดล้อมอีก 20 ปาก โดยพบข้อมูลสำคัญว่า เหตุฆาตกรรมครั้งนี้มีผู้เกี่ยวข้องอย่างต่ำ 4 คน เชื่อมโยงไปถึงซุ้มมือปืนภาคตะวันออก.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ