กรุงเทพฯ 30 ก.ย.- เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบส่วนตลาดหุ้นไทยทรงตัวที่ระดับใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อน
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์นี้(25-29 ก.ย.) ว่า เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ แต่ภาพรวมยังเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบที่ค่อนข้างแคบตลอดสัปดาห์ โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ท่ามกลางภาวะตึงเครียดเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังมีรายงานข่าวระบุว่า จีนยกเลิกแผนการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนเส้นตายของมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะเริ่มมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชันก่อนการประชุมเฟดด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ในวันศุกร์ (28 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.33 จากระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (21 ก.ย.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (1-5 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.30-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนก.ย. ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ค่าจ้าง ผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ถ้อยแถลงของประธานเฟด (และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด) ตลอดจนตัวเลข PMI ของประเทศในยุโรป และจีนด้วยเช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้(25-29 ก.ย.)ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรงตัวที่ระดับใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,756.41 จุด เพิ่มขึ้นเพียง 0.02% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 30.45% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 51,154.36 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 456.38 จุด เพิ่มขึ้น 1.21% จากสัปดาห์ก่อน
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากทั้งสองฝ่ายได้เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้ารอบใหม่เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ประกอบกับจีนยกเลิกการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ดัชนี SET ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาช่วยประคองตลาดในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ซึ่งเป็นภาพที่สอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงมีแรงซื้อเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในช่วงท้ายสัปดาห์
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (1-5 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,745 และ 1,735 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,765 และ 1,775 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนก.ย. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนก.ย.ของประเทศในยุโรป ญี่ปุ่น และจีน-สำนักข่าวไทย