กรุงเทพฯ 27 ก.ย. – กระทรวงเกษตรฯ ออกประกาศควบคุมอาหารสัตว์ผสมยา ตั้งเป้าลดใช้ยาต้านจุลชีพสำหรับสัตว์ร้อยละ 30 ภายในปี 2564 หลังจากกฎหมายบังคับใช้เข้าสู่วันที่ 3 มีผู้มาขอรับจดแจ้งผลิตอาหารสัตว์ผสมยาแล้วกว่า 50 ราย
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดลักษณะเงื่อนไขของอาหารสัตว์ที่ผสมยาที่ห้ามผลิต นำเข้า ขาย และใช้ พ.ศ.2561 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมาเป็นกฎหมายเพื่อกำกับดูแลอาหารสัตว์ที่ผสมยา (Medicated feed) ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 ซึ่งรับผิดชอบโดยกองควบคุมอาหารและยาสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อควบคุมการใช้ยาต้านจุลชีพให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการที่เป็นมาตรฐานสากล มีการใช้ยาอย่างสมเหตุผลเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เนื่องจากหากคนบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่มียาต้านจุลชีพตกค้างจะเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดปัญหาดื้อยาต้านจุลชีพ
ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้ออกประกาศ 6 ฉบับ ตามประกาศกระทรวงฯ ข้างต้น โดยกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตผลิตอาหารสัตว์จะผลิตอาหารสัตว์ที่ผสมยาได้ต้องจดแจ้งต่อกรมปศุสัตว์ อีกทั้งต้องเป็นโรงงานที่ได้รับการรับรอง GMP (Good Manufacturing Practice) มีสัตวแพทย์เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ชั้นหนึ่งและต้องได้รับการฝึกอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวกับอาหารสัตว์ผสมยาจากกรมปศุสัตว์ดูแล สัตวแพทย์ต้องควบคุมกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ที่ผสมยา เช่น ผลิตอาหารสัตว์ที่ผสมยาตามใบสั่งใช้ยา จากสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มที่เป็นผู้ดูแลสุขภาพสัตว์ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์และต้องลงลายมือชื่อในหลักฐานการสั่งซื้อยาต่าง ๆ เพื่อจะนำอาหารสัตว์ที่ผสมยาเหล่านั้นไปใช้ เพื่อดูแลและรักษาสัตว์ในฟาร์ม โรงงานผลิตอาหารสัตว์จะต้องมีเครื่องมือที่เหมาะสมในการผลิตอาหารสัตว์ที่ผสมยาด้วยจะต้องมีการติดฉลาก เพื่อให้ทราบว่าเป็น “อาหารสัตว์ที่ผสมยา” โดยต้องระบุชื่อและปริมาณของยาที่ผสมในอาหารสัตว์นั้นด้วย นอกจากนี้ ต้องมีการจัดทำสรุปรายงานปริมาณการใช้ยาต้านจุลชีพชนิดต่าง ๆ แต่ละปีที่นำมาผสมในอาหารสัตว์ต่อกรมปศุสัตว์ด้วย
นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวว่า ยาต้านจุลชีพหรือที่เรียกทั่วไปว่ายาปฏิชีวนะใช้รักษาโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งต้องมีการควบคุมการสั่งใช้ โดยสัตวแพทย์ต้องใช้ยาในภาคปศุสัตว์มีความถูกต้องเหมาะสม หลังจากกฎหมายมีผลบังคับขณะนี้มีโรงงานผลิตอาหารสัตว์มาขอรับจดแจ้งเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์ที่ผสมยาแล้วกว่า 50 ราย ซึ่งกรมปศุสัตว์จะกำกับดูแลโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่ผสมยาให้ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากยาตกค้างในผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ เพื่อป้องกันภาวะดื้อยาปฏิชีวนะในคนซึ่งจะส่งผลให้เมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียจะรักษาหายยาก ทั้งนี้ มีเป้าหมายลดปริมาณการใช้ยาต้านจุลชีพสำหรับสัตว์ลงร้อยละ 30 ในปี 2564 ตามแผนยุทธศาสตร์ว่าด้วยการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทยในภาคการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์.-สำนักข่าวไทย