เวโลโดรมหัวหมาก 26 ก.ย.61- จาย อังค์สุธาสาวิทย์ นักปั่นหนุ่มลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย เจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2018 ตั้งเป้าไว้อย่างไรกับอนาคตการรับใช้ทีมชาติไทย
จากนักกีฬาโนเนมที่แทบจะไม่มีแฟนกีฬาชาวไทยรู้จักมาก่อน แต่หลังจากที่ “ทีเจ” จาย อังค์สุธาสาวิทย์ นักปั่นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลียวัย 23 ปี คว้าเหรียญทองเดียวให้กับทีมสองล้อไทยในเอเชียนเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย จากประเภทคีรินชาย ชื่อของจาย กลายเป็นนักกีฬาไทยที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา อัธยาศัยที่เป็นมิตรกับทุกคน ทำให้นักปั่นหนุ่มผู้นี้เข้าไปอยู่ในหัวใจแฟนกีฬาชาวไทยเพียงชั่วข้ามคืน
ระยะเวลาเพียง 7 เดือนหลังจากที่ พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ได้รับการทาบทามจาก จอห์น เมอร์เรย์ อดีตโค้ชทีมชาติไทย ให้คว้า จาย ยกล้อเข้าเส้น มาเล่นให้กับทีมชาติไทย จึงถือเป็นการตัดสินใจที่เฉียบแหลม เนื่องจาก จาย ถือเป็นนักกีฬาเกรดบี ในออสเตรเลีย โอกาสที่จะติดทีมชาติชุดใหญ่ถือเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการสนับสนุนที่ดีจากครอบครัว ทำให้นักปั่นหนุ่มที่อดีตเคยทำอาชีพเสริมเป็นเด็กล้างจาน, ผู้ช่วยพ่อครัว เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว กลายมาเป็นดาวจรัสแสงของวงการกีฬาไทย
ด้านโค้ชตั้ม วิสุทธิ์ กสิยะพัท หัวหน้าผู้ฝึกสอนจักรยานทีมชาติไทยที่มีส่วนช่วยดูแล จาย จนประสบความสำเร็จ มองว่า หาก จาย ได้รับการสนับสนุนที่ดี ได้ฝึกซ้อมและแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่ก้าวไปสู่ระดับโอลิมปิกเกมส์คงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน
ผลงานของจักรยานไทยในเอเชียนเกมส์ ที่คว้าเหรียญทองได้ 2 สมัยติดต่อกันทั้งในปี 2014 และ 2018 ถือเป็นการปลุกกระแสวงการสองล้อไทยให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และก้าวต่อไปหากนักปั่นสายเลือดไทย หยิบเหรียญหนึ่งเหรียญใดในโอลิมปิกเกมส์ 2020 โตเกียวเกมส์ ก็น่าจะทำให้กีฬาจักรยานไม่ถูกมองข้ามอีกต่อไป
“ผมมาจากอันดับ 107 ของโลก และไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปแข่งขันมากนักหลังจากได้รับบาดเจ็บ แต่ก็พยายามซ้อมอย่างเต็มที่ตลอด 7 เดือนก่อนเอเชียนเกมส์ ซึ่งผมก็แปลกใจว่าชนะนักกีฬาระดับโลกได้ยังไง”
“อนาคตผมหวังที่จะเล่นในนามทีมชาติไทยต่อไปอีกนานๆ ส่วนเป้าหมายของผมคือการควอลิฟายไปโอลิมปิกเกมส์ คว้าแชมป์โลก ให้ได้”.-สำนักข่าวไทย