ดินแดง 24 ก.ย. -คนพิการกว่า 100 คน บุกกระทรวงแรงงานโต้กลับยัน ไม่มีการโกงเงินคนพิการ 1.5 พันล้านบาทตามที่อ้าง อดีตเพื่อนร่วมงาน “ปรีดา” ท้าเอาความจริงมาคุยกัน อย่าสร้างกระแสหวั่นคนพิการกระทบ
สมาคมคนพิการจากจังหวัดต่างๆ นำทีมคนพิการทางสายตาและวีลแชร์ที่ถูกจ้างงานใน ม.33 และ 35 กว่า 100 คน เข้าร้องเรียนและชี้แจง ต่อนายวิวัฒน์ ตังหงส์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีโกงเงินคนพิการเพื่อโต้กลับนายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ที่ออกมาเปิดโปงก่อนนี้ว่าสถานประกอบการ คนพิการ และเจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมกันทุจริตเงินค่าจ้างคนพิการ โดยการหักค่าหัวคิว สูญเงินกว่า 1.5 พันล้านบาทต่อปีนั้น ว่าเป็นการกล่าวอ้างเกินจริง เจ้าหน้าที่รัฐไม่เกี่ยวข้อง
น.ส.นฤชล โสภา อนุกรรมการฝ่ายอาชีพ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่นายปรีดาออกมาเปิดโปงเรื่องทั้งหมด สร้างผลกระทบต่อคนพิการทั่วประเทศ เพราะนอกจากเป็นการกล่าวอ้างที่เกินจริง ยังสร้างความเสียหายให้กับสมาคมคนพิการเพราะการที่ปรีดา ออกมากล่าวอ้างว่าเกิดการทุจริตการจ้างเงินคนพิการ ใน ม.33 และ 35 โดยการหักค่าหัวคิว สร้างความเสียหายให้กับคนพิการที่ถูกจ้างงานในมาตราดังกล่าว เพราะสถานประกอบการอาจจะยกเลิกการจ้างงานคนพิการในมาตรานี้และหันมาส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตาม ม.34 แทน เพราะเกรงว่าจะถูกจับตาและไม่ต้องการนำเงินมาจ้างคนพิการผ่านคนกลาง เสี่ยงต่อการพัวพันการทุจริต
น.ส.นฤชล กล่าวต่อไปว่า วันนี้คนพิการจากทั่วประเทศจึงรวมตัวกันเพื่อยืนยันว่าไม่มีการทุจริตค่าจ้างคนพิการตามจำนวนเงินตามที่นายปรีดาร้องเรียนและผู้เสียหายที่นำมากล่าวอ้างเป็นกรณีเดิมที่เคยได้รับการแก้ไข ขณะที่บางส่วนก็ถูกนำมาแอบอ้างสร้างกระแส ทั้งที่ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร และการจ้างงานใน ม.33 และ 35 ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้พิการดีขึ้น มีรายได้ กลับมาดำรงชีวิตในสังคมได้อีกครั้งและให้กำลังใจกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และกรมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของชีวิต (พม.) อย่ายกเลิกการจ้างงานคนพิการ และไม่ทราบว่า ทำไมนายปรีดา ถึงออกมากล่าวอ้างเกินจริงเช่นนี้
ขณะที่นายณัฐพล ลาภเกิน ประธานชมรมส่งเสริมอาชีพคนพิการ จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เคยทำงานกับนายปรีดา ในการเป็นตัวแทนสถานประกอบการในการจัดโครงการการฝึกอบรมคนพิการ ซึ่งช่วงที่ทำงานด้วยกันนั้น นายปรีดามีพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เช่น นำคอมพิวเตอร์มือสองมาใช้ในการฝึกอบรม ขณะที่สถานประกอบการให้เงินมาซื้อเครื่องใหม่ และเมื่อสิ้นสุดการอบรมก็นำมาขายให้คนพิการ ทั้งที่เป็นสิทธิของเขาที่จะได้ฟรีเพื่อนำไปประกอบอาชีพ และเอาคนพิการมาอบรมน้อยกว่าที่เขียนโครงการขอกับกรมการจัดหางาน แต่นายปรีดากลับมากล่าวอ้างว่า สถานประกอบการ คนพิการและหน่วยงานรัฐ ทุจริตเงินคนพิการ 1.5 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งส่วนตัวคาดว่าสาเหตุที่นายปรีดาออกมาเปิดโปง เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ปฏิเสธไม่ให้นายปรีดาเป็นตัวกลางในการจัดทำโครงการ จากที่เคยได้รับทำงานตลอด เนื่องจากเกิดปัญหาความไม่โปร่งใส ผลสัมฤทธิ์ไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้ตอนนี้ไม่มีบริษัทเอกชนแห่งใดมอบหมายให้นายปรีดาเป็นคนดูแลโครงการ จึงทำให้นายปรีดาไม่พอใจ ต้องการล้มกระดาน สร้างกระแสข่าวว่ามีการทุจริตเพื่อให้สถานประกอบการไม่จ้างงานคนพิการผ่านนายหน้าและพยายามสร้างเครดิตให้ตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ต่างๆ และยังเปิดรับบริจาคเงินจากคนพิการเดือนละ 800 บาท เป็นเวลา 4 เดือน โดยอ้างจะนำไปจัดตั้งกองทุนปฏิรูปคุณภาพชีวิตคนพิการและผู้สูงอายุ โดยให้เงินเข้าบัญชีในนามของตนเอง แทนในนามสมาคม หรือเครือข่าย และอยากให้นายปรี ออกมาพูดความจริง ผู้พิการคนไหนได้รับความเดือดร้อนให้ออกมาพูดให้ชัดเจน อย่าเหมารวม เพราะทำให้สมาคมคนพิการอีกหลายคนได้รับผลกระทบ ดังนั้นควรมาคุยกันให้ชัดเจนเพื่อหาข้อยุติ อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และยืนยัน 2 กรมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต เพราะเงินจากโครงการเจ้าหน้าที่ไม่ได้จับ ค่าจ้างถูกโอนเข้าบัญชี จึงอยากให้นายปรีดา เข้ามาคุยกัน ว่าการออกมาร้องแบบนี้ ใครมีส่วนได้ส่วนเสีย
นายวิวัฒน์ ตังหงส์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังการหารือว่า ข้อมูลที่ได้รับวันนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบการทุจริตค่าจ้างคนพิการ โดยในวันพฤหัสบดีนี้ นายปรีดาจะเข้ายื่นหลักฐานผู้เสียหายจากการทุจริตตามที่กล่าวอ้างเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ในการตรวจสอบอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ที่มีโครงการอบรมคนพิการจำนวนมาก เช่นพื้นที่ กทม. อยุธยา สมุทรสาคร ชลบุรี โดยคาดว่าภายใน 15 วันนี้ก็จะรู้ผลความคืบหน้า หากพบเจ้าหน้าที่กระทรวงเกี่ยวข้องกับการทุจริตจะไล่ออกทันที และหากประชาชน ผู้พิการคนใดพบการทุจริตสามารถร้องเรียนมาที่กระทรวงแรงงานได้ .-สำนักข่าวไทย