นายกฯ พอใจผลงานรัฐบาล 2 ปี

ทำเนียบรัฐบาล 15 ก.ย.- นายกรัฐมนตรี พอใจผลงานรัฐบาล 2 ปี  มุมมองและการประเมินขององค์กรต่างๆ ต่อประเทศไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจรัฐบาล ยืนยันจะปฏิรูปประเทศให้เจริญก้าวหน้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการแถลงผลงานครบรอบ 2 ปีของรัฐบาล ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เป็นไปด้วยความคึกคัก มีสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยงานเริ่มด้วยการเปิดวีดิทัศน์ภาพรวมการทำงานที่ผ่านมาของรัฐบาลในช่วง 2 ปี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงผลงานครบรอบ 2 ปีของรัฐบาลว่า รู้สึกยินดีที่วันนี้เห็นรอยยิ้มกลับคืนสู่คนไทย สมกับความเป็นสยามเมืองยิ้ม เนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านมา สถานการณ์ในประเทศไม่ค่อยสงบสุข การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างล่าช้า เศรษฐกิจไม่ได้รับการปฏิรูปทั้งระบบ การวิจัยและการพัฒนาไม่ต่อเนื่อง ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม และการที่ประเทศไม่มีแผนยุทธศาสตร์ชาติในระยะยาว ทำให้ขาดทิศทางการพัฒนาในทุกด้าน ปัญหาที่มีมายาวนานไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปประเทศในทุกระบบ


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ตามหลักธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส เพื่อเป้าหมายสำคัญในการวางรากฐานให้รัฐบาลในอนาคตได้บริหารประเทศอย่างมีธรรมาภิบาล ภายใต้กติกาที่เหมาะสม และป้องกันไม่ให้ปัญหาแบบเดิมกลับมาเกิดขึ้นอีกในประเทศ  การกำหนดนโยบายของรัฐบาลอยู่บนหลักคิดที่ต้องเสริมสร้างโอกาส ความเข้มแข็ง และความเสมอภาคเท่าเทียมในปัจจุบัน และวางรากฐานประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน ดังนั้น จึงต้องประกอบด้วยมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ในทุกมิติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในระยะเวลา 2 ปีที่รัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน มีผลการทำงานเป็นที่ประจักษ์ ทำให้มุมมองและการประเมินที่หน่วยงานองค์กรต่างๆ มีต่อประเทศไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนผลการทำงานของรัฐบาลในทุกด้าน ทั้งด้านเสถียรภาพความมั่นคงของประเทศ จากการประเมินที่มีการปรับอันดับขึ้น อาทิ ความเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนทางการเมือง ความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐ จำนวนเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนคดียาเสพติด และผลดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น

ขณะที่การประเมินผลด้านความเข้มแข็งและขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและสังคมปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน อาทิ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ขีดความสามารถในการแข่งขันและด้านการคมนาคมต่างๆ การจัดอันดับของประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องกัน จาก 74 ประเทศ


ส่วนการดำเนินงานด้านกฎหมายและการต่างประเทศประสบความสำเร็จหลายด้าน ทั้งการออกกฎหมายที่สำคัญและจำเป็นได้มากที่สุด การแก้ไขปัญหางาช้างตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในด้านของความมั่นคง รัฐบาลทำให้การเผชิญหน้าความแตกแยกลดน้อยลง คนไทยอยู่อย่างสงบสุขมากขึ้น สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ เน้นถึงการพูดคุยเพื่อแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี เน้นการพัฒนาพื้นที่ให้เจริญ ทั้งด้านจิตใจ สังคม การศึกษาและเศรษฐกิจ เพื่อให้ทุกคนอยู่ดีกินดี รวมทั้งส่งเสริม การวิจัยการพัฒนานวัตกรรม เพื่อความมั่นคงมีเสถียรภาพและศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในอนาคต รวมทั้งแนวทางการปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตำรวจเพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  ด้านเศรษฐกิจมีการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและไอซีทีเพื่อยกระดับโลจิสติกส์ของประเทศและกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค, ปฏิรูปการเกษตรโดยใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งวางระบบการบริหารจัดการน้ำที่ครอบคลุม, แก้กฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการประกอบธุรกิจและผลักดันประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

ด้านสังคมมีการปราบปรามผู้มีอิทธิพลปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกระดับ การจัดระเบียบสังคมจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ ผลักดันสวัสดิการทางสังคม เพื่อดูแลผู้ด้อยโอกาสและผู้มีรายได้น้อย กำหนดการศึกษาให้กับเด็กไทย รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้ทุกคนในสังคมอยู่ด้วยกันอย่างเท่าเทียม

ขณะที่การต่างประเทศ รัฐบาลได้สร้างความเชื่อมั่นและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศรวมทั้งแสดงบทบาทในเวทีโลกด้วยนโยบายการต่างประเทศเชิงรุกอย่างสร้างสรรค์จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นประธานกลุ่มประเทศ  G77 รวมทั้งให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาของประเทศตามหลักสากล อาทิ การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย ปัญหาการบินพลเรือนที่ไม่ได้มาตรฐานและปัญหาการค้ามนุษย์

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าในด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลมุ่งสร้างความยุติธรรมในสังคม ด้วยการปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัยและมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และรัฐต้องไม่เสียประโยชน์ รวมถึงปฏิรูประบบงานราชการและการให้บริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าปัจจุบันเป็นการทำงานในระยะที่สองของโรดแมป คือการเริ่มต้นปฏิรูปในเชิงโครงสร้างปฏิรูปการบริหารราชการและการจัดทำแผนนำไปสู่อนาคตตามวิสัยทัศน์ ซึ่งภารกิจสำคัญของรัฐบาลในอนาคตจากนี้ คือการสร้างฐานรากสู่อนาคต ตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 และต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยการศึกษา การวางระบบสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน การวางระบบประกันสุขภาพ สนับสนุนการลงทุนภายในประเทศด้วยการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ทันสมัย การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงการขนส่ง รวมทั้งเร่งผลักดัน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย นอกจากนี้ต้องเปลี่ยนจากการขายสินค้าเกษตรต้นน้ำไปสู่การสร้างสินค้าเกษตรนวัตกรรมเพื่อการแข่งขัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  ขอให้ประชาชนเปิดใจและมั่นใจการทำงานของรัฐบาล พร้อมย้ำว่าการใช้อำนาจพิเศษเป็นไปเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย เกิดการบูรณาการในทางสร้างสรรค์และเพื่อไม่ให้การทำงานติดขัด ส่วนประเด็นทางการเมืองของผู้ที่ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ล้วนเป็นการทำลายชาติและเป็นภัยร้ายแรงของประเทศจะต้องถูกขจัดให้หมดไป  อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี บิดเบือนให้เกิดความแตกแยก สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนและชาวต่างชาติ โดยอ้างประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเป็นไปโดยเจตนาหรือไม่นั้น แต่ถือเป็นอันตรายอย่างที่สุด จึงอยากขอให้ประชาชนไม่ตกเป็นเครื่องมือ หรือหลงเชื่อข้อมูลจากผู้ไม่หวังดี ที่สำคัญต้องไม่ยอมให้คนเหล่านี้ มาชี้นำ มีอิทธิพลหรือกลับมามีที่ยืนในสังคมได้อีก

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงภารกิจในระยะที่สามของโรดแมป คือการส่งมอบหน้าที่ต่อให้กับรัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้งซึ่งจะต้องรับหน้าที่ในการบริหารประเทศช่วงเปลี่ยนผ่าน และสุดท้ายขอขอบคุณประชาชนที่เข้าใจเราไว้วางใจรัฐบาลและขอยืนยันว่ารัฐบาลจะอยู่เคียงข้าง ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมมือกันในการปฏิรูปประเทศ ไปสู่ประเทศที่เจริญก้าวหน้าและเชื่อมั่นว่าหากคนไทยทุกคนร่วมมือกัน ประเทศจะเดินไปด้วยความสำเร็จ.-สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]