แนะรัฐบาลทบทวน พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ

ท่าพระจันทร์  15 ก.ย. – คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จัดงานเสวนาวิชาการ “พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ กับผลกระทบต่อหน่วยงานภาครัฐ”  ซึ่งขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติอยู่ระหว่างพิจารณาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลนำร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกลับไปพิจารณาใหม่ เพราะร่างกฎหมายนี้เป็นหลักการที่ผิดพลาดไม่เข้าใจระบบการจัดองค์กรของรัฐในประเทศไทย เนื่องจากร่างกฎหมายนี้รวมศูนย์อำนาจการจัดซื้อจัดจ้างไว้ที่กระทรวงการคลังแต่เพียงแห่งเดียวในรูปแบบคณะกรรมการ  5 ชุด หากรัฐบาลอีกหลายรัฐบาลต้องการจะทุจริตเชิงนโยบายก็สามารถสั่งการกระทรวงการคลังได้  ดังนั้น  ประเทศไทยจะกระจายอำนาจ และมีองค์กรอิสระไปเพื่ออะไร  และจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศ


นายสุรพล กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติปัจจุบันครอบคลุมเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานของรัฐทุกประเภท  จากเดิมใช้บังคับเฉพาะส่วนราชการเท่านั้น  ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์การมหาชนประมาณ 60 แห่ง  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) 7,000 แห่ง มหาวิทยาลัยในกำกับ ประการสำคัญรวมถึงเงินทุกประเภท  จากเดิมเฉพาะเงินกู้  เงินงบประมาณ และเงินช่วยเหลือเท่านั้น  ซึ่งแม้จะมีพระราชบัญญัติเป็นการเฉพาะ เช่น เงินของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ไม่ต้องส่งเข้าคลังก็จะต้องถูกนับรวมด้วย  นอกจากนี้ ยังจะส่งผลกระทบกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจกับหน่วยงานภาครัฐอื่น เพราะกำหนดให้มีคณะกรรมการ 5 ชุด โดยเฉพาะคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ทำให้การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการของทุกหน่วยงาน เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือหน่วยงานอื่น ๆ  ต้องใช้ตามที่คณะกรรมการชุดนี้ประกาศขึ้นทะเบียนไว้เท่านั้น  ส่วนบทลงโทษหากทำผิดจะมีการลงโทษอาญาจำคุกขั้นต่ำ 1-10 ปี โดยไม่รอลงอาญา และต้องยุติการปฎิบัติราชการ ซึ่งกว่าจะทราบผลการพิจารณาก็ผ่านไป 4-5 ปี

นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า  ไม่เห็นด้วยกับพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ ดังนั้น รัฐบาลน่านำกลับไปทบทวนว่าร่างพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างฯ สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่  เพราะเชื่อว่าจะเกิดปัญหาตามมาจากการใช้กฎหมายอีกมากมายและเกิดความเสียหายยากที่จะแก้ไข เพราะพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ กำหนดให้ทุกหน่วยงานของรัฐ เช่น  รัฐวิสาหกิจ ต้องปฎิบัติตามโดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิดปัญหาตามมา ทำให้ภาครัฐเสียโอกาสในการได้รับสินค้าและบริการ และกฎกติกาที่เขียนไว้ให้รัฐวิสาหกิจต้องทำตามจะทำให้ต้องซื้อของแพง  ดังนั้น  การกำหนดหน่วยงานทั้งหมดเข้ามานั้น เห็นว่าไม่สอดคล้องกับการดำเนินการปกติ  เพราะขณะนี้กฎหมายหลายฉบับของประเทศล้าหลัง เช่น  ด้านการเงินไปถึงการเงินสมัยใหม่อย่างฟินเทคแล้ว  และยังส่งผลให้งานด้านจัดซื้อจัดจ้างไม่มีเจ้าหน้าที่อยากรับทำหน้าที่นี้  เพราะเสี่ยงถูกร้องเรียนมาก


นอกจากนี้ กฎหมายน่าเขียนกำหนดให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ เช่น มาตรา 44 ที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา และเห็นว่าคณะกรรมการ 5 ชุด โดยเฉพาะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะมีคดีจำนวนมาก จากที่ปัจจุบันมีประมาณ 1.5 ล้านคดีมีมากพอพิจารณาทั้งปีอยู่แล้ว

นายสืบพงษ์ บูรณศิรินทร์ รองผู้ว่าการ  กฟผ. กล่าวว่า ปี 2559 กฟผ.มีการจัดซื้อจัดจ้างเกือบ 6,000 ล้านบาท สัญญาจัดซื้อจัดจ้างกว่า 50,000 ฉบับ มีมากกว่า 100,000 รายการ  และอยู่ระหว่างดำเนินการอีกนับ 100,000 ล้านบาท การจัดซื้ดจัดจ้างถือว่ามีความสำคัญต่อการดำเนินงานของ กฟผ.อย่างมาก พระราชบัญญัติจัดซื้อจัดงานฯ ทั้งหมดถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่  กฟผ.มีข้อกังวลใจ  เพราะกฎหมายไม่ระบุทุกเรื่อง ยังจำเป็นที่จะต้องออกฎหมายลูกอีกหลายเรื่อง กฟผ.นอกจากมีงานผลิตไฟฟ้าที่ต้องซื้อขายและไม่เหมือนสินค้าอื่น ๆ เนื่องจากเมื่อผลิตแล้ว ต้องจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบทันที  หรือไม่ก็ต้องแปรสภาพ การซื้อขายจึงไม่เป็นแบบปกติทั่วไป การซื้อขายพลังงานไฟฟ้าน่าจะอยู่ในมาตรา 7  ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฎิบัติตามพระราชบัญญัติ นอกจากนี้  บริษัทลูก กฟผ.คือ บริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขายพลังงานกลับมาในประเทศการเจรจากับต่างประเทศมีข้อกังวลห่วงใยจะทำอย่างไร นอกจากนี้ การจะมีบริษัทลูกของบริษัทลูกจะเข้าระบบด้วยจะทำงานให้ได้อย่างไร  กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างผูกระบบเดียวไม่มั่นใจว่าจะทำอย่างไร  กิจกรรมต่าง ๆ จะเหมือนกันทุกอย่างเป็นเรื่องยาก

นายมณเทียร เจริญผล รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ห่วงว่าการอุทธรณ์ของผู้เจตนาทุจริตจะทำให้เกิดปัญหาตามมามาก เพราะการพิจารณาไม่ง่าย หากมีการร้องเรียนทุกเรื่องจะทำอย่างไร ปัจจุบันเจ้าหน้าที่มีงานทำมากอยู่แล้ว  นอกจากนี้  ยังมีปัญหาตามมาจากการตีความที่ต่างกัน ดังนั้น  การบริหารสัญญาจึงเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องในประเทศ  เพราะมักมีการตีความที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม


พระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างจัดฯ จะแก้ไขปัญหาได้บางเรื่อง ราคากลางที่ออกมาจะสามารถคุมได้ทุกสินค้าหรือไม่  การที่ประชาชนมีส่วนร่วมที่ผ่านมา พบว่าประชาชนเสนอแนะแล้วแม้ราคาลดได้ก็จริง แต่มีเรื่องอื่นตามมาประชาชนไม่ทราบ เป็นต้น

นายประสาท พงษ์สุวรรณ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า น่าจะทบทวนกฎหมายฉบับนี้โดยรัฐบาลเพราะหากปล่อยให้เดินหน้าต่อไปภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมาธิการต่อไปการแก้ไขร่างกฎหมายฉบับนี้คงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก  เพราะจากการติดตามร่างพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างฯ มาอย่างต่อเนื่องพบว่ามีสิ่งน่ากังวลแบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก เรื่องแรกเห็นว่าเป็นโครงสร้างกฎหมายที่ใหญ่และกระทบโครงสร้างอิสระที่อยู่นอกระเบียบจัดซื้อจัดจ้างมาก่อน ซึ่งในส่วนของทางศาลปกครอง จึงเห็นควรเสนอให้ตัดหน่วยธุรการของศาลออกไปซึ่งที่จริงอยากจะเสนอหลายหน่วยงานด้วยว่าไม่ต้องเข้ามาอยู่ในพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง  เรื่องที่ 2 คือ ร่างกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง กำหนดว่าหากมีการยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้าง คู่สัญญา จะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐได้  และยังห้ามอุทธรณ์ ซึ่งเท่ากับไม่สามารถฟ้องคดีได้ เพราะจะกระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน เป็นต้น

นายบุญทิพย์ ชูโชนาค ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กล่าวว่า พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ ต้องการให้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นมาตรฐานเดียวกันจากที่ปัจจุบันแตกต่างกันแต่ละหน่วยงาน เน้นเปิดเผยข้อมูลทุกเรื่องให้สาธารณชนเข้ามามีส่วนตรวจสอบ พร้อมเปิดให้มีการแข่งขันกันอย่างเสรี  เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างลดปัญหาการทุจริตให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบ เน้นความคุ้มค่า ตอบโจทย์นำมาใช้ราชการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยบังคับใช้กับหน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง ยกเว้นตามมาตรา 7 เช่น รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง ซึ่งรัฐวิสาหกิจหลายแห่งมีปัญหา โดยรัฐวิสาหกิจต้องการกำหนดให้ชัดเจนในพระราชบัญญัติ  พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างกำหนดให้มีคณะกรรมการ 5 คณะได้แก่ คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ  คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ  คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ฉนับนี้จะเริ่มขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ โดยจะเริ่มจากผู้ประกอบการงานก่อสร้าง ปัจจุบันแม้จะมีการขึ้นทะเบียนแต่มาตรฐานการจัดชั้นต่างกัน  กรมบัญชีกลางจะดูแลรับผิดชอบขึ้นทะเบียนกลางทั้งหมด  พร้อมมีการประเมินผลงานที่รับไปทำ  หากงานไม่ผ่านจะไม่ให้ยื่นเสนอราคารับงานจากภาครัฐไว้ชั่วคราว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตรวจสอบบ้านลักลอบทำประทัดไล่นก บึ้มกลางชุมชน

สุพรรณบุรี 31 ก.ค. – จากเหตุบ้านที่ลักลอบทำประทัดไล่นก เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต วันนี้ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ยืนยันว่าที่เกิดเหตุไม่ใช่โรงงาน แต่เป็นที่ลักลอบทำ ที่น่าตกใจคือหลังเกิดเหตุชาวบ้านโดยรอบบอกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านดังกล่าวลักลอบทำประทัดไล่นก จี้หน่วยงานตรวจสอบ กลัวว่าอาจจะมีบ้านที่ลักลอบทำอีก.-สำนักข่าวไทย

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์

ศรีสะเกษ 31 ก.ค. – ที่จังหวัดศรีสะเกษ มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จากการโจมตีของกัมพูชา ที่วัดมหาพุทธาราม หรือวัดพระโต พระอารามหลวง จ.ศรีษะเกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และวางพวงมาลาพระราชทาน แก่ประชาชน รวม 7 คน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้เสียชีวิต 6 คน เป็นประชาชนเสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ และอีก 1 คนเสียชีวิตจากระเบิดลงบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี พร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิต และมีพิธีการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมทุกคืน ถึงวันที่ 2 ส.ค.นี้ ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ 3 สิงหาคมนี้ ด้านนายคมสันต์ […]

พบโดรนปริศนาหลายพื้นที่ คาดเป็นโดรนจารกรรม

บุรีรัมย์ 31 ก.ค. – แม้จะมีประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ในหลายพื้นที่ยังตรวจพบโดรนปริศนาขึ้นบิน เบื้องต้นคาดเป็นโดรนสอดแนม ขณะที่วิทยุการบินฯ วอนประชาชนร่วมมือ หากฝ่าฝืนจะใช้มาตรการทางทหารจัดการทันที เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. คืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยา จุด อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ใช้โทรศัพท์บันทึกภาพโดรนที่บินเหนือ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ไว้ได้ และยังพบว่ามีโดรนบินเหนือบ้านตะโก, บ้านยายคำ, ตลาดตาเป๊กและบ้านเจริญสุข รวมทั้งหมด 4 แห่ง บินวนเวียนประมาณ 5 นาที จึงพยายามตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ ก่อนจะพบรถตู้ยี่ห้อฮุนไดสีดำจอดอยู่ เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของโดรน เมื่อเข้าไปสอบถามคนในรถตู้ ที่เปิดกระจกลงมาพูดคุย เห็นภายในรถตู้มีคนประมาณ 3-4 คน มีอุปกรณ์คล้ายเครื่องควบคุมอะไรบางอย่างอยู่ในรถ จึงสอบถามว่าจะไปที่ไหน ได้รับคำตอบว่าจะไปสระแก้ว หลังจากนั้นรถตู้ได้ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะพยายามขับรถไล่ตามแต่ตามไม่ทัน เชื่อว่าเป็นโดรนของกัมพูชามาบินสอดแนมอย่างแน่นอน ส่วนที่ อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรวจพบโดรนปริศนาหลายสิบลำ บินว่อนเหนือพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล คือ ตำบลสายตะกู ตำบลจันทบเพชร […]

ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนรับฟังข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 31 ก.ค.- ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนร่วมหารือและรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริง อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังตั้งทีมเฝ้าติดตามหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (31 ก.ค.68) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ร่วมหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท.กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานในการหารือ การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการจัดตั้ง Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team (Interim ASEAN DAs Monitoring Team) ในการปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์หยุดยิง (Ceasefire) ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งการหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิง ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของฝ่ายทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team (AMIT) ในอนาคต […]