แนะรัฐบาลทบทวน พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ

ท่าพระจันทร์  15 ก.ย. – คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จัดงานเสวนาวิชาการ “พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ กับผลกระทบต่อหน่วยงานภาครัฐ”  ซึ่งขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติอยู่ระหว่างพิจารณาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลนำร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกลับไปพิจารณาใหม่ เพราะร่างกฎหมายนี้เป็นหลักการที่ผิดพลาดไม่เข้าใจระบบการจัดองค์กรของรัฐในประเทศไทย เนื่องจากร่างกฎหมายนี้รวมศูนย์อำนาจการจัดซื้อจัดจ้างไว้ที่กระทรวงการคลังแต่เพียงแห่งเดียวในรูปแบบคณะกรรมการ  5 ชุด หากรัฐบาลอีกหลายรัฐบาลต้องการจะทุจริตเชิงนโยบายก็สามารถสั่งการกระทรวงการคลังได้  ดังนั้น  ประเทศไทยจะกระจายอำนาจ และมีองค์กรอิสระไปเพื่ออะไร  และจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศ


นายสุรพล กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติปัจจุบันครอบคลุมเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานของรัฐทุกประเภท  จากเดิมใช้บังคับเฉพาะส่วนราชการเท่านั้น  ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์การมหาชนประมาณ 60 แห่ง  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) 7,000 แห่ง มหาวิทยาลัยในกำกับ ประการสำคัญรวมถึงเงินทุกประเภท  จากเดิมเฉพาะเงินกู้  เงินงบประมาณ และเงินช่วยเหลือเท่านั้น  ซึ่งแม้จะมีพระราชบัญญัติเป็นการเฉพาะ เช่น เงินของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ไม่ต้องส่งเข้าคลังก็จะต้องถูกนับรวมด้วย  นอกจากนี้ ยังจะส่งผลกระทบกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจกับหน่วยงานภาครัฐอื่น เพราะกำหนดให้มีคณะกรรมการ 5 ชุด โดยเฉพาะคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ทำให้การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการของทุกหน่วยงาน เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือหน่วยงานอื่น ๆ  ต้องใช้ตามที่คณะกรรมการชุดนี้ประกาศขึ้นทะเบียนไว้เท่านั้น  ส่วนบทลงโทษหากทำผิดจะมีการลงโทษอาญาจำคุกขั้นต่ำ 1-10 ปี โดยไม่รอลงอาญา และต้องยุติการปฎิบัติราชการ ซึ่งกว่าจะทราบผลการพิจารณาก็ผ่านไป 4-5 ปี

นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า  ไม่เห็นด้วยกับพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ ดังนั้น รัฐบาลน่านำกลับไปทบทวนว่าร่างพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างฯ สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่  เพราะเชื่อว่าจะเกิดปัญหาตามมาจากการใช้กฎหมายอีกมากมายและเกิดความเสียหายยากที่จะแก้ไข เพราะพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ กำหนดให้ทุกหน่วยงานของรัฐ เช่น  รัฐวิสาหกิจ ต้องปฎิบัติตามโดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิดปัญหาตามมา ทำให้ภาครัฐเสียโอกาสในการได้รับสินค้าและบริการ และกฎกติกาที่เขียนไว้ให้รัฐวิสาหกิจต้องทำตามจะทำให้ต้องซื้อของแพง  ดังนั้น  การกำหนดหน่วยงานทั้งหมดเข้ามานั้น เห็นว่าไม่สอดคล้องกับการดำเนินการปกติ  เพราะขณะนี้กฎหมายหลายฉบับของประเทศล้าหลัง เช่น  ด้านการเงินไปถึงการเงินสมัยใหม่อย่างฟินเทคแล้ว  และยังส่งผลให้งานด้านจัดซื้อจัดจ้างไม่มีเจ้าหน้าที่อยากรับทำหน้าที่นี้  เพราะเสี่ยงถูกร้องเรียนมาก


นอกจากนี้ กฎหมายน่าเขียนกำหนดให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ เช่น มาตรา 44 ที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา และเห็นว่าคณะกรรมการ 5 ชุด โดยเฉพาะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะมีคดีจำนวนมาก จากที่ปัจจุบันมีประมาณ 1.5 ล้านคดีมีมากพอพิจารณาทั้งปีอยู่แล้ว

นายสืบพงษ์ บูรณศิรินทร์ รองผู้ว่าการ  กฟผ. กล่าวว่า ปี 2559 กฟผ.มีการจัดซื้อจัดจ้างเกือบ 6,000 ล้านบาท สัญญาจัดซื้อจัดจ้างกว่า 50,000 ฉบับ มีมากกว่า 100,000 รายการ  และอยู่ระหว่างดำเนินการอีกนับ 100,000 ล้านบาท การจัดซื้ดจัดจ้างถือว่ามีความสำคัญต่อการดำเนินงานของ กฟผ.อย่างมาก พระราชบัญญัติจัดซื้อจัดงานฯ ทั้งหมดถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่  กฟผ.มีข้อกังวลใจ  เพราะกฎหมายไม่ระบุทุกเรื่อง ยังจำเป็นที่จะต้องออกฎหมายลูกอีกหลายเรื่อง กฟผ.นอกจากมีงานผลิตไฟฟ้าที่ต้องซื้อขายและไม่เหมือนสินค้าอื่น ๆ เนื่องจากเมื่อผลิตแล้ว ต้องจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบทันที  หรือไม่ก็ต้องแปรสภาพ การซื้อขายจึงไม่เป็นแบบปกติทั่วไป การซื้อขายพลังงานไฟฟ้าน่าจะอยู่ในมาตรา 7  ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฎิบัติตามพระราชบัญญัติ นอกจากนี้  บริษัทลูก กฟผ.คือ บริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขายพลังงานกลับมาในประเทศการเจรจากับต่างประเทศมีข้อกังวลห่วงใยจะทำอย่างไร นอกจากนี้ การจะมีบริษัทลูกของบริษัทลูกจะเข้าระบบด้วยจะทำงานให้ได้อย่างไร  กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างผูกระบบเดียวไม่มั่นใจว่าจะทำอย่างไร  กิจกรรมต่าง ๆ จะเหมือนกันทุกอย่างเป็นเรื่องยาก

นายมณเทียร เจริญผล รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ห่วงว่าการอุทธรณ์ของผู้เจตนาทุจริตจะทำให้เกิดปัญหาตามมามาก เพราะการพิจารณาไม่ง่าย หากมีการร้องเรียนทุกเรื่องจะทำอย่างไร ปัจจุบันเจ้าหน้าที่มีงานทำมากอยู่แล้ว  นอกจากนี้  ยังมีปัญหาตามมาจากการตีความที่ต่างกัน ดังนั้น  การบริหารสัญญาจึงเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องในประเทศ  เพราะมักมีการตีความที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม


พระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างจัดฯ จะแก้ไขปัญหาได้บางเรื่อง ราคากลางที่ออกมาจะสามารถคุมได้ทุกสินค้าหรือไม่  การที่ประชาชนมีส่วนร่วมที่ผ่านมา พบว่าประชาชนเสนอแนะแล้วแม้ราคาลดได้ก็จริง แต่มีเรื่องอื่นตามมาประชาชนไม่ทราบ เป็นต้น

นายประสาท พงษ์สุวรรณ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า น่าจะทบทวนกฎหมายฉบับนี้โดยรัฐบาลเพราะหากปล่อยให้เดินหน้าต่อไปภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมาธิการต่อไปการแก้ไขร่างกฎหมายฉบับนี้คงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก  เพราะจากการติดตามร่างพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างฯ มาอย่างต่อเนื่องพบว่ามีสิ่งน่ากังวลแบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก เรื่องแรกเห็นว่าเป็นโครงสร้างกฎหมายที่ใหญ่และกระทบโครงสร้างอิสระที่อยู่นอกระเบียบจัดซื้อจัดจ้างมาก่อน ซึ่งในส่วนของทางศาลปกครอง จึงเห็นควรเสนอให้ตัดหน่วยธุรการของศาลออกไปซึ่งที่จริงอยากจะเสนอหลายหน่วยงานด้วยว่าไม่ต้องเข้ามาอยู่ในพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง  เรื่องที่ 2 คือ ร่างกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง กำหนดว่าหากมีการยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้าง คู่สัญญา จะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐได้  และยังห้ามอุทธรณ์ ซึ่งเท่ากับไม่สามารถฟ้องคดีได้ เพราะจะกระทบสิทธิเสรีภาพประชาชน เป็นต้น

นายบุญทิพย์ ชูโชนาค ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กล่าวว่า พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ ต้องการให้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นมาตรฐานเดียวกันจากที่ปัจจุบันแตกต่างกันแต่ละหน่วยงาน เน้นเปิดเผยข้อมูลทุกเรื่องให้สาธารณชนเข้ามามีส่วนตรวจสอบ พร้อมเปิดให้มีการแข่งขันกันอย่างเสรี  เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างลดปัญหาการทุจริตให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบ เน้นความคุ้มค่า ตอบโจทย์นำมาใช้ราชการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยบังคับใช้กับหน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง ยกเว้นตามมาตรา 7 เช่น รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง ซึ่งรัฐวิสาหกิจหลายแห่งมีปัญหา โดยรัฐวิสาหกิจต้องการกำหนดให้ชัดเจนในพระราชบัญญัติ  พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างกำหนดให้มีคณะกรรมการ 5 คณะได้แก่ คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ  คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ  คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ฉนับนี้จะเริ่มขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ โดยจะเริ่มจากผู้ประกอบการงานก่อสร้าง ปัจจุบันแม้จะมีการขึ้นทะเบียนแต่มาตรฐานการจัดชั้นต่างกัน  กรมบัญชีกลางจะดูแลรับผิดชอบขึ้นทะเบียนกลางทั้งหมด  พร้อมมีการประเมินผลงานที่รับไปทำ  หากงานไม่ผ่านจะไม่ให้ยื่นเสนอราคารับงานจากภาครัฐไว้ชั่วคราว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยยังมีฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

รวบ ผอ.กองช่าง เรียกรับสินบน แลกใบอนุญาตถมดิน-สร้างหอพัก

ปทุมธานี 11 ก.ย. – หลักฐานคาโต๊ะ! ป.ป.ช. สนธิกำลังตำรวจ บุกจับ ผอ.กองช่างเทศบาลหลักหก จ.ปทุมธานี คาห้องทำงาน พร้อมเงินสดของกลาง 1.9 แสนบาท หลังเรียกรับสินบน แลกใบอนุญาตถมดิน-สร้างหอพัก 8 ชั้น ด้านเจ้าตัวปฏิเสธ อ้างผู้เสียหายนำมาให้เอง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ภาค 1 นำโดย น.ส.ชฎารัตน์ อนรรฆอร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 1 วางแผนร่วมกับชุดสืบสวนสำนักงาน ป.ป.ช. และตำรวจสืบสวนภูธรภาค นำหมายศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 เข้าตรวจค้น พร้อมจับกุมนายวีระเชษฐ์ อายุ 59 ปี ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลหลักหก จ.ปทุมธานี ภายในห้องทำงาน เทศบาลตำบลหลักหก หลังมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ขออนุญาตถมดินและขออนุญาตก่อสร้างอาคาร พร้อมตรวจยึดเงินของกลาง ซุกซ่อนอยู่ที่พื้นใต้ลิ้นชักโต๊ะทำงาน 190,000 บาท เบื้องต้นจากการตรวจหมายเลขธนบัตร ตรงกับสำเนาธนบัตรที่ผู้เสียหายนำไปมอบให้กับนายวีระเชษฐ์ ก่อนหน้านี้ และเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายสำเนาและลงรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้เป็นหลักฐาน […]

ปิดล้อมไล่ล่าผู้ก่อเหตุ หลังปะทะเดือดสะบ้าย้อย 2 ระลอก

สงขลา 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง วางกำลังปิดล้อมพื้นที่บ้านห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบ หลังเหตุปะทะเดือด 2 ระลอก พบผู้ก่อเหตุมีหมายจับคดีความมั่นคง หลังเหตุปะทะเดือด 2 ระลอก ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่บ้านห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ วางกำลังบนถนนเส้นทางเข้าออกพื้นที่ปะทะ ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าเขตปะทะอย่างเด็ดขาด เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ยังคงมีการปิดล้อมบริเวณเนินเขา เพื่อไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดและกระเป๋าเป้ถูกทิ้งไว้บนเนินเขา บริเวณจุดปะทะ คาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บด้วย สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นมีข้อมูลว่า เป็นกลุ่มของนายกอเซ็ง ลาเตะยามา อายุ 35 ปี ชาว อ.ยะหา จ.ยะลา ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งมีหมายจับ 7 หมาย และนายฮุสนี ยีกะเส็ม อายุ 34 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา มีหมายจับ […]

กักสิงโตสวนสัตว์ดัง-ปรับพฤติกรรม

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ สั่งกักสิงโตสวนสัตว์ดัง เพื่อปรับพฤติกรรม แยกเพศ-เฝ้าสังเกตใกล้ชิด เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่สวนสัตว์ดัง ย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์เสียชีวิต โดยได้สั่งการให้กักสิงโตทั้งหมดในฝูงที่ก่อเหตุไว้ในกรงชั่วคราว แยกสิงโตเพศผู้และเพศเมีย เพื่อเฝ้าสังเกตพฤติกรรมในระยะใกล้ สำหรับสิงโตที่เข้าตะปบเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิต เป็นตัวผู้ โดยสิงโตร่วมฝูงมี 7 ตัว แต่ที่เข้ารุมกัดเจ้าหน้าที่มี 5 ตัว ได้แก่ 1) ทรัมป์ (เพศผู้) ตัวตะปบ 2) ไบท์ (เพศผู้) ตัวตาม 3) อ้อน (เพศเมีย) ตัวตาม 4) อ้าย (เพศเมีย) ตัวตาม 5) ยาว (เพศเมีย) ตัวตาม ทั้งนี้ สิงโตทุกตัวอายุประมาณ 10 ปี พร้อมกันนี้ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กำลังตรวจสอบมาตรการความปลอดภัย และจะไม่อนุญาตให้เปิดส่วนจัดแสดงสัตว์ดุร้าย […]