มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์ 18 ก.ย.-นายกฯ ห่วงหลังปลดล็อกทางการเมือง อาจเกิดความวุ่นวาย ขอให้ทุกคนไปใช้สิทธิ์ เพื่อได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นสักขีพยานการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์และผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย รวมถึงมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประธานป่าชุมชน 5 จังหวัด ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และอุตรดิตถ์ และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ มอบหนังสือคู่มือการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลให้ประชาชน 434 ราย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนที่มาให้การต้อนรับ และรัฐบาลรับรู้ในความต้องการของประชาชนในทุกระดับ แม้รัฐบาลจะมีงบประมาณไม่มาก แต่จะพยายามสร้างความเติบโตไปพร้อมกัน และทุกฝ่ายต้องจับมือร่วมกันเดินไปข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลได้ริเริ่มในหลาย ๆ อย่าง ไม่เพียงแค่จังหวัดเลยและเพชรบูรณ์ที่ลงพื้นที่เท่านั้น แต่ในจังหวัดอื่น ๆ ได้ส่งรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน เพื่อนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน
“ขอยืนยันว่าการพิจารณาดำเนินการตามความต้องการของประชาชน จะเป็นไปอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งแตกต่างกับรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา จึงต้องการปลดล็อกปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในการดำเนินนโยบาย และหลายโครงการเกิดจากการริเริ่มของรัฐบาล ทั้งโครงการด้านการคมนาคมขนส่ง และการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน รัฐบาลหน้าก็ต้องเป็นแบบนี้ ดูแลทั้งคะแนนเสียงส่วนใหญ่ และคะแนนเสียงส่วนน้อย คนที่เลือก และไม่ได้เลือก ต้องไม่เกิดความขัดแย้ง ไม่ขัดแย้งทั้งเรื่องกฎหมาย รัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่ และประชาชน วันนี้หลายอย่างครอบงำมาโดยตลอด จึงต้องปลดล็อก อย่างแรกคือต้องปลดล็อกตัวเอง ปลดล็อกทางความคิด ความต้องการส่วนตัวไปเป็นความต้องการส่วนร่วมให้ได้ ขอย้ำว่าทุกคนต้องเข้าใจในยุทธศาสตร์ชาติ แต่ไม่ได้มีเจตนาในการสืบทอดอำนาจ ตามกรอบเวลาของยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ถึง 20 ปี” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า มีความเป็นห่วงหลังปลดล็อกทางการเมือง อาจจะเกิดความวุ่นวายพอสมควร ซึ่งส่วนตัวไม่อยากจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาการเมือง
“เป็นห่วงว่าระยะต่อไป เมื่อมีการปลดล็อคไปแล้ว มันจะวุ่นวายพอสมควร ผมไม่อยากยุ่งการเมือง แต่การเมืองก็อย่ามายุ่งกับการทำงานของรัฐบาลเวลานี้ที่จะทำให้ประชาชน อย่าไปทำให้ทุกอย่างมันพาให้สิ่งที่ผมพูดในวันนี้และทำวันนี้ มันล้มเหลว ผมเสียดายเวลาของผม” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเลือกจากนโยบาย หรือ ตัวบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอชื่อ ขึ้นอยู่กับทุกคน โดยไม่ควรที่จะไม่ออกไปใช้สิทธิ์ ด้วยเหตุผลว่าไม่ชอบตัวบุคคล เพราะจะอันตรายกว่า เนื่องจากอาจจะได้คนที่ไม่ชอบเข้ามาบริหารประเทศ
“ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีความจำเป็นจะต้องลงทุนในเรื่องรถไฟความเร็วสูง และไม่ต้องการให้ใครมามีบทบาทในเส้นทางของไทย ซึ่งการลงทุนอาจราคาสูงและไม่ได้กำไร แต่จะได้กำไรในเรื่องของการให้บริการผู้โดยสาร และทำให้เกิดเมืองในตลอดเส้นทางที่รถไฟผ่าน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผู้ที่ขยายความกรณีที่องค์การสหประชาชาติ จัดลำดับให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่น่าละอาย จากการละเมิดสิทธิมนุษยชน ว่า ผู้ที่ไปพูดให้ประเทศเกิดความเสียหายนั้นน่าละอาย ซึ่งรัฐบาลไม่เคยดำเนินการในลักษณะดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย