กรมธนารักษ์เดินหน้าผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่

เชียงราย 17 ก.ย. – กรมธนารักษ์เดินหน้าผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อสร้างผลตอบแทนเชิงพาณิชย์ ยืนยันไม่เรียกคืนเหรียญกษาปณ์รัชกาลที่ 9 ออกจากระบบ พร้อมปรับระบบจองเหรียญผ่านออนไลน์ลดปัญหาต่อแถวรอคิวทั้งวัน



นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า โรงกษาปณ์ได้ผลิตเหรียญกษาปณ์รัชกาลที่ 10 จำนวน 9 ชนิดราคา นำออกใช้หมุนเวียนในระบบ 615 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2 ของเหรียญกษาปณ์ทั้งหมด 30,000 ล้านเหรียญ หรือมูลค่า 60,000  ล้านบาท ยืนยันว่าจะไม่มีการเรียกคืนเหรียญกษาปณ์รัชกาลที่ 9 ออกจากระบบ เพื่อให้ประชาชนใช้จ่ายเหมือนเดิมหรืออาจเก็บสะสมไว้  โดยจะปล่อยให้เหรียญหมดสภาพตามอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี จากนั้นจึงผลิตเหรียญใหม่ของรัชกาลที่ 10 เข้ามาทดแทนเหรียญเก่าที่ชำรุด สำหรับแผนการผลิตปี 2561 มีแผนผลิตเหรียญ 2,853 ล้านเหรียญ และในปี 2562 กำหนดผลิตเพิ่ม 3,000 ล้านเหรียญ ทดแทนเหรียญเก่าที่หมดสภาพแต่ละปี 


นางสาวอมรรัตน์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์เตรียมวางระบบการจองเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เมื่อมีพระราชพิธีหรือในโอกาสสำคัญ เพื่อลดปัญหาการต่อแถวยาวเหยียดมาจับจองพื้นที่รอคิวตั้งแต่เที่ยงคืนตากแดดตากร้อนรอคิวกันทั้งวัน ปรับมาใช้ระบบจองผ่านออนไลน์ของกรมธนารักษ์ เพื่อส่งมอบเหรียญตรงถึงบ้าน มอบหมายให้ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้จัดทำระบบจองเหรียญ  นอกจากนี้ ยังจัดรถโมบายเริ่มออกพื้นที่ปลายนี้กระจายออกไปทั้ง 6 จังหวัด เช่น กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ออกตระเวนให้ชาวบ้านแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนกับชาวบ้าน เพื่อแลกเหรียญเก่าเปลี่ยนเป็นธนบัตรเอาไว้ใช้จ่าย เป้าหมายให้ได้ 46 ล้านเหรียญต่อคันต่อปี  

สำหรับการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ราชพัสดุ หลายโครงการขนาดใหญ่สำคัญ อาทิ โครงการพัฒนาหมอชิต หลังจากเริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2539 ได้เจรจากับภาคเอกชนรายเดิม ด้วยการปรับรูปแบบการลงทุนเพิ่มจาก 18,000 ล้านบาท เป็น 26,000 ล้านบาท พื้นที่พัฒนา 800,000 ตารางเมตร นำส่งชดเชยคืนให้กับรัฐใช้ประโยชน์ 120,000 ตารางเมตร พร้อมมอบผลตอบแทนเป็นเงินสด 600 ล้านบาท และทรัพย์สินมูลค่า 2,400 ล้านบาท รวมเป็น 3,000 ล้านบาท เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาเห็นชอบสัปดาห์หน้า เพื่อลงนามก่อสร้างกับภาคเอกชนรายเดิมใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี พัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ศูนย์การค้า โรงแรม ที่จอดรถรองรับการเดินทางรถไฟฟ้าบีทีเอส อพาร์ทเม้นท์ 

ส่วนการพัฒนาหอชมเมือง มูลค่า 4,600 ล้านบาท ความสูง 459 เมตร นับเป็นหอชมเมืองสูงสุดในประเทศ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ระยะเวลาบริหารโครงการ 30 ปี เปิดให้เอกชนลงนามก่อสร้างไปแล้ว เพื่อใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ  โครงการร้อยชักสามอยู่ตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยากับหอชมเมืองกรุงเทพฯ  ขณะนี้ กทม.และตำรวจดับเพลิงได้ส่งมอบที่ราชพัสดุคืนให้แล้ว จึงปรับสัญญาการลงทุนกับภาคเอกชน ปรับเวลาก่อสร้างเป็น 6 ปี บวกกับสัญญาบริหารโครงการ 30 ปี คาดว่าจะเป็นโรงแรมที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยาระดับหรู เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว 


ขณะที่การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้ส่งพื้นที่ราชพัสดุให้กับสำนักงานอีอีซี 7,000 ไร่ สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรม 6,500 ไร่ และเขตนวัตกรรม 759 ไร่ เพื่อมอบให้สำนักงานอีอีซีนำไปบริหารจัดการต่อตามอำนาจกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องการมอบเอกสิทธิ์บริหารจัดการทั้งหมด แล้วแต่จะมอบหมายให้หน่วยงานหรือเอกชนรายใดเข้าดำเนินการ กรณีที่สำนักงานอีอีซีจะทำการเจรจากับซีพีใช้ประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์อย่างไร เป็นการหารือข้อตกลงโดยกรมธนารักษ์ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง 

สำหรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน หลังจากกรมธนารักษ์ลดค่าเช่าเชิงพาณิชย์จากเดิม 2,400 บาทต่อไร่ต่อปี เหลือ 2,100 บาทต่อไร่ต่อปี สำหรับจังหวัดมุกดาหาร ส่วนจังหวัดหนองคายค่าเช่าลดเหลือ 1,800 บาทต่อไร่ต่อปี เพื่อสร้างแรงจูงใจให้บริษัทเอกชนเข้ามาตั้งโรงงานในเขตเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำหนดไว้ จึงเตรียมเปิดพัฒนาในจังหวัดนราธิวาสเพิ่มเติม และใช้ราคาใหม่ประมูล คาดว่าจะมีเอกชนเข้ามายื่นประมูลทั้ง 10 เขตเศรษฐกิจมากขึ้น 

ส่วนการพัฒนาโครงการศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะโซน C พื้นที่ 510,000 ตารางเมตร มีส่วนราชการ 13 หน่วยงานแสดงความจำนงเช่าพื้นที่ และยังมีอีก 3-4 หน่วยงานขอลงชื่อสำรอง เพื่อขอเช่าอีก 30,000  ตารางเมตร ด้วยวงเงินลงทุน 30,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี บริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์จะใช้แนวทางการระดมทุนแบบผสมทั้งการกู้เงินในประเทศ เพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำและการทำซีเคียวริไทเซชั่นอีกทางหนึ่ง เพื่อพัฒนาพื้นที่สำหรับส่วนราชการให้เพียงพอ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เสียใจ “เจจูแอร์” ไถลออกรันเวย์ สั่งตรวจสอบช่วยเหลือหากมีคนไทย

นายกฯ แสดงความเสียใจเหตุเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์ ไถลออกรันเวย์ไฟลุกท่วม พร้อมสั่งตรวจสอบช่วยเหลือหากมีคนไทย

28 dead as jet carrying 181 people crashes while landing in S. Korea's Muan

เครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปเกาหลีใต้ชนหลังออกนอกรันเวย์

โซล 29 ธ.ค.- เครื่องบินของสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเกาหลีใต้ ลื่นไถลออกนอกทางวิ่งหรือรันเวย์ และชนกับรั้วกั้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้ รายงานว่า ตำรวจและนักดับเพลิงในเกาหลีใต้แจ้งว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.07 น. วันนี้ตามเวลาเกาหลีใต้ ตรงกับเวลา 07.07 น. วันนี้ตามเวลาไทย เมื่อเครื่องบินของเจจูแอร์ เที่ยวบิน 7ซี2216 (7C2216) นำผู้โดยสาร 175 คน ลูกเรือ 6 คน เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 288 กิโลเมตร เครื่องบินลื่นไถลออกนอกรันเวย์และชนกับรั้วกั้น เป็นเหตุให้เครื่องบินได้รับความเสียหายอย่างหนักและเกิดไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน ทั้งหมดนั่งอยู่ที่ส่วนท้ายของเครื่องบิน คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางกลับจากไทย มีเพียง 2 คนที่เป็นชาวไทย เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟที่ไหม้ครื่องบินได้แล้ว และกำลังปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย รวมทั้งเริ่มการสืบสวนสอบสวน ณ […]

อุณหภูมิลดอีก 1-3 องศาฯ “อีสาน-เหนือ” อากาศเย็นถึงหนาว

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบน อุณหภูมิลดลงอีก 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง อีสานและเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อากาศเย็น ภาคใต้ฝนเพิ่ม ตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

เกาะติดทุกโหมดการเดินทางเทศกาลปีใหม่ 2568

เกาะติดทุกโหมดการเดินทางขาออกเทศกาลปีใหม่ 2568 ถนนทุกสาย และระบบขนส่งสาธารณะทุกโหมด มีประชาชนทะลักเดินทางตั้งแต่เย็นวานนี้ (27 ธ.ค.) ภาพรวมเป็นอย่างไร พูดคุยกับนายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม.