แจงบอร์ดประกันสังคมยังไม่อนุมัติปรับขึ้นเงินสมทบ

ก.แรงงาน 6 ก.ย.-ปลัดฯแรงงาน แจงบอร์ดประกันสังคมยังไม่อนุมัติปรับขึ้นเงินสมทบจาก 750 บาทเป็น 1,000 บาทเพิ่ม ยันอยู่ระหว่างรับฟังความเห็น


นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสำนักงานประกันสังคมจะเก็บเงินสมทบรายเดือนกับผู้ประกันตนเพิ่มจาก 750 บาทเป็น 1,000 บาท ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในขณะนี้ ว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ไม่มีการปรับขึ้นเงินสมทบประกันสังคมตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด 


โดยการปรับขึ้นเงินสมทบ จากเดิมเก็บที่ร้อยละ5 ของฐานเงินเดือนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทหรือสูงสุดที่ 750 บาท เป็นเก็บร้อยละ5 จากฐานเงินเดือนสูงสุด 20,000 บาท เป็นเงินสมทบที่ต้องจ่ายสูงสุดคือ1,000 บาทนั้น เป็นเพียงข้อเสนอของคณะอนุกรรมการประกันสังคมที่เสนอมายังบอร์ดประกันสังคม เมื่อปี 2559 และบอร์ดยังไม่อนุมัติ เนื่องจากต้องรับความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปี 2560 ได้มีการเปิดเวลารับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง นักวิชาการ จากทั่วประเทศมาแล้ว 5 ครั้ง เป็นภูมิภาค 4 ครั้งและกรุงเทพมหานคร 1 ครั้ง รวมถึงเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่าน Website ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่ยังมีบางส่วนไม่อยากให้ปรับขึ้น เนื่องจากยังติดในเรื่องสิทธิประโยชน์ และการบริการทางการแพทย์ ขณะที่บางส่วนอยากให้ปรับขึ้นร้อยละ 5 ตามฐานเงินเดือนจริง เพื่อจะได้มีเงินบำนาญชราภาพเพียงพอต่อการดำรงชีพ ซึ่งตรงนี้จะต้องรับความคิดเห็นอย่างรอบคอบ เนื่องจากการปรับขึ้นเงินสมทบไม่ได้กระทบแค่ลูกจ้าง แต่ยังรวมถึงนายจ้างและรัฐบาลที่ต้องจ่ายเงินสมทบให้ลูกจ้างด้วย ซึ่งการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น จะเริ่มอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ หากผลการรับฟังความคิดเห็นส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นเงินสมทบ ประกันสังคมก็จะไม่ปรับขึ้น 


นพ.สุรเดช กล่าวต่อว่า การปรับขึ้นไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ว่ากองทุนประกันสังคมมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงินแน่นอน เพราะขณะนี้กองทุน มีเงินอยู่ประมาณ 1.81 ล้านล้านบาท เมื่อปี 2560 มีรายได้จากการลงทุน 5.8 พันล้านบาท ขณะที่รายจ่ายเป็นในส่วนของเงินบำนาญ รักษาพยาบาล อยู่ที่ ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ยืนยันกองทุนประกันสังคมไม่ได้ขาดทุน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง