กรุงเทพฯ 7 ธ.ค.-แม้ “บ้านครูน้อย”ที่ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส จะปิดตัวลงไปแล้ว แต่ปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบยังคงรุมเร้า นางนวลน้อย ทิมกุล หรือ “ครูน้อย” อย่างต่อเนื่อง ขณะที่หน่วยงานที่อ้างจะยื่นมือมาช่วยเหลือเคลียร์หนี้สินให้ก็เงียบหายไป ทีมข่าวสำนักข่าวไทย อสมท ลงพื้นที่ติดตามปัญหาในเรื่องนี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและผลกระทบที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกของนางนวลน้อย ทิมกุล หรือครูน้อย หญิงชราวัย 74 ปี ที่เก็บงำมานานกว่า 7 เดือน หลังจบฝันปิดบ้านครูน้อย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานเลี้ยงเด็กยากจนมานานกว่า 35 ปีลง เนื่องจากไม่สันทัดเรื่องงานบริหาร จนต้องกู้ยืมเงินทั้งในและนอกระบบ เป็นหนี้รวมเงินต้นและดอกเบี้ยกว่า 800,000 บาท เมื่อบ้านครูน้อยไม่มีเด็ก เงินจากผู้ใจบุญที่เคยได้รับก็หายไป การนำข้าวของในบ้านไปขายเพื่อประทังชีวิต จึงเป็นหนทางสุดท้าย ครูน้อยบอกว่า นอกจากความยากจนที่ต้องเผชิญ ปัญหาหนี้สินก็รุมเร้า ขณะที่ผู้ใหญ่เคยรับปากว่าจะช่วยเคลียหนี้ทั้งหมดให้เมื่อปีที่แล้วก็เงียบหายไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ครูน้อยเจอปัญหาหนี้สิน จนต้องประกาศปิดบ้าน เพราะตั้งแต่เริ่มตั้งสถานเลี้ยงเด็กบ้านครูน้อยเมื่อ พ.ศ.2523 จนถึง พ.ศ.2553 ประสบวิกฤติทางการเงิน เป็นหนี้นอกระบบกว่า 8 ล้านบาท แต่ก็ต้องเปิดต่อ เพราะมีผู่ใหญ่ยื่นมือมาช่วยไกล่เกลี่ย รวบรวมเงินบริจาคปลดหนี้ทั้งหมดให้ ผ่านไปเพียง 5 ปี ภาพเก่ากลับฉายซ้ำ
ครูน้อยประกาศปิดบ้านรอบที่ 2 ด้วยเหตุผลเดิมคือ เป็นหนี้นอกระบบกว่า 800,000 บาท จากการกู้มาเลี้ยงดูเด็กกว่า 60 คน เมื่อหนี้ก้อนนี้ไม่ได้รับการชดใช้ บ้านครูน้อยจึงต้องปิดลง ครั้งนี้ครูน้อยขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรม อ้างถูกเจ้าหนี้ข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดที่ชัดเจนได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เพื่อหาข้อเท็จกลับไม่ได้คำตอบ จึงต้องตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง
เหตุหนี้สินล้นพ้นตัวที่ไม่มีที่มาที่ไป ควบคู่กับการประกาศปิดบ้าน เป็นประเด็นดราม่าในสังคม ที่ต้องหาคำตอบว่าเบื่องหลังปัญหาที่แท้จริงของครูน้อยคืออะไร.-สำนักข่าวไทย