เซปักตะกร้อหญิงคว้าเหรียญทอง-วอลเลย์สาวไทยได้เหรียญเงิน

อินโดนีเซีย 1 ก.ย. – กีฬาเอเชียนเกมส์ วันนี้ เซปักตะกร้อ ประเภททีม 4 คนหญิงคว้าเหรียญทองที่ 11 ให้ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ส่วนวอลเลย์บอลสาวไทย พ่าย จีน คว้าเหรียญเงินประวัติศาสตร์ 


กีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย เซปักตะกร้อ ที่เมืองปาเล็มบัง ประเภททีม 4 คนหญิง รอบชิงชนะเลิศ ทีมนักหวดลูกพลาสติกสาวไทย พบกับ เวียดนาม โดยทีมไทยส่งผู้เล่นชุดแรก ประกอบด้วย มัสยา ดวงศรี, วิภาดา จิตพรวน, ศศิวิมล จันทสิทธิ์ และ สมฤดี ปรือปรัก โดยมี เฟื่องฟ้า ประพัศรางค์ และ พยอม ศรีหงษา เป็นตัวสำรอง ผลปรากฏว่า สาวไทยเล่นได้อย่างเหนือชั้น เอาชนะ 2-0 เซต 21-8, 21-10 คว้าเหรียญทองที่ 4 ให้ทีมตะกร้อไทย และเป็นเหรียญทองที่ 11 ของทัพนักกีฬาไทยอีกด้วย สรุปทัพตะกร้อไทยกวาดทั้ง 4 เหรียญทองที่ส่งแข่งขัน


วอลเลย์บอลที่ศูนย์กีฬาเกโรลา บุงการ์โน กรุงจาการ์ตา ประเภททีมหญิง รอบชิงชนะเลิศ ทีมนักตบลูกยางสาวไทยที่ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้เป็นครั้งแรก ลงสนามพบกับทีมชาติจีน ผู้เล่น 6 คนแรกของไทย นำโดย ปลื้มจิตร์ ถินขาว กัปตันทีม, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ และ นุศรา ต้อมคำ ปรากฏว่า สาวไทยต้านทานความยอดเยี่ยมของทีมสาวจีนไม่ไหว พ่ายไป 0-3 เซต 19-25, 17-25 และ 13-25 คว้าเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ส่วนจีนคว้าเหรียญทอง และเกาหลีใต้ เอาชนะญี่ปุ่น ได้เหรียญทองแดง


ด้านทีมนักตบลูกยางหนุ่มไทย คว้าอันดับ 7 หลังเอาชนะ ปากีสถาน  3-1 เซต 20-25 25-23 28-26 และ 25-21

มวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์เวท หญิง 60 กก. รอบชิงเหรียญทอง สุดาพร สีสอนดี นักชกสาวไทย มุมแดง พบกับ ยอน จิ โฮ จากเกาหลีใต้ ตลอดการชก 3 ยก สุดาพร เดินหน้าเข้าหา แต่ถูกยอน จิ โฮ ดักต่อยจังหวะ 2 ได้ดี ครบยก กรรมการชูมือให้ ยอน จิ โฮ เอาชนะไป 4-1 เสียง คว้าเหรียญทองไปครอง ส่วนสุดาพรได้เหรียญเงิน สรุปผลงานทีมมวยของไทย คว้ามาได้ 1 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง หลังการชก สุดาพร กล่าวรู้สึกเสียดาย แต่ทำเต็มที่แล้ว พร้อมขอโทษและขอบคุณแฟนมวยที่ตามเชียร์

บริดจ์ ที่จาการ์ตา อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็กซ์โป ประเภทคู่ผสม ธฤตชลธร ชดช้อย กับ ธีรศักดิ์ จิตต์งามกุศล ของไทย ทำคะแนนได้ 342.0 คะแนน จบอันดับ 4 คว้าเหรียญทองแดงร่วมกับอินโดนีเซียที่ทำคะแนนรวม 348.0 ส่วนเหรียญทอง และเหรียญเงิน เป็นของนักกีฬาจากไต้หวัน ขณะที่ประเภทหญิงคู่ แอน มาลากุล ณ อยุธยา กับ พบสุข กมลเวช จากไทย ทำคะแนนรวม 322.0 จบอันดับ 10 สรุปผลงานทีมบริดจ์ไทย คว้าได้ 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง

สรุปเหรียญล่าสุด ทีมชาติจีน ครองเจ้าเหรียญทองแน่นอนแล้ว มี 129 เหรียญทอง อันดับ 2 ญี่ปุ่น 72 เหรียญทอง อันดับ 3 เกาหลีใต้ 48 เหรียญทอง อันดับ 4 เจ้าภาพ อินโดนีเซีย 31 เหรียญทอง ส่วนทีมชาติไทย รั้งอันดับ 12 มี 11 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน และ 46 เหรียญทองแดง.- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม