เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาแนวทางจัดการหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ

กรุงเทพฯ 31 ส.ค. – รมว.เกษตรฯ ระบุหนี้สะสมเกษตรกรที่กองทุนฟื้นฟูฯ จะซื้อมาบริหารจัดการมีเพียง 239 ราย จากสมาชิกที่ลงทะเบียน 468,000 ราย ที่เหลือจะเจรจากับธนาคารเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ โดยได้ส่งข้อสรุปทั้งหมดเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว 


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่การเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ (กฟก.) กล่าวว่า ได้ข้อสรุปแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินของเกษตรกรที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบ โดยจากเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่มีหนี้เสีย (NPL) 468,000 ราย มูลหนี้ 85,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ตั้งแต่ปี 2549 – 2557 ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่กู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 36,000 ราย มูลหนี้ 12,000 ล้านบาท เป็นเงินต้น 6,000 ล้านบาท และดอกเบี้ย 4,000 ล้านบาท 

นายกฤษฎา กล่าวว่า วันนี้ได้พิจารณาสภาพหนี้ตามข้อกำหนดที่ กฟก.จะรับซื้อหนี้มาบริหารจัดการได้ โดยต้องเป็นมียอดหนี้ไม่เกิน  2,500,000 บาท อีกทั้งต้องเป็นหนี้ที่เกิดจากการทำเกษตรกรรมและมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ปรากฎว่ามีเพียง 239 รายเท่านั้นที่อยู่ในเกณฑ์ มูลหนี้ 106 ล้านบาท ซึ่งทาง ธ.ก.ส.ตัดต้นให้ครึ่งหนึ่ง จึงเหลือเงินที่ กฟก.ต้องขอจากรัฐบาลเพื่อนำมาซื้อหนี้ 53 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเจรจากับ ธ.ก.ส.ขอปรับโครงสร้างหนี้ของเกษตรกรให้ตัดต้นหนี้ให้ร้อยละ 50 พักดอกเบี้ยเก่าให้ จากนั้นเกษตรกรผ่อนชำระหนี้ที่เหลืออีกร้อยละ 50 ภายใน 15 ปี โดยระหว่างนี้ ธ.ก.ส.คิดดอกเบี้ย MRR-ร้อยละ 3 หรือประมาณร้อยละ 4 สำหรับลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์อื่นมีกว่า 600 ราย เป็นเงิน 500 ล้านบาท อยู่ในเกณฑ์ที่ กฟก.จะซื้อหนี้ประมาณ 100 ราย ส่วนลูกหนี้สหกรณ์มี 580 ราย ยอดเงิน 390 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีหนี้ของธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รวมกว่า 2,000 ราย


นายกฤษฎา กล่าวว่า กำลังเจรจากับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เช่น ธนาคารออมสิน ธอส. และสหกรณ์ในการปรับโครงสร้างหนี้ โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับ ธ.ก.ส.  ส่วนหนี้ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของ กฟก. ได้แก่ หนี้ที่เกิน 2,500,000 บาท เป็นหนี้ที่ไม่ได้กู้เพื่อไปทำการเกษตร รวมทั้งหนี้ที่ใช้บุคคลค้ำประกัน ขณะนี้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาตรวจสอบแล้วให้ความเห็นว่า กฟก.ไม่สามารถซื้อหนี้มาบริหารจัดการได้ 

นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ กฟก.เปิดให้เกษตรกรที่มีหนี้สินสะสม ซึ่งยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเร่งขึ้นทะเบียนหนี้เกษตรกรจนถึงวันที่ 13 ตุลาคม ยื่นคำขอได้ที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรในจังหวัดที่องค์กรเกษตรกรตั้งอยู่ในวันทำการด้วยตนเอง ซึ่งเอกสารที่ใช้ประกอบคำขอมีดังนี้ คำขอขึ้นทะเบียนหนี้เกษตรกรตามแบบที่สำนักงานกำหนด  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน  สำเนาทะเบียนบ้าน  หลักฐานแห่งหนี้ เช่น สัญญาจำนอง สัญญากู้ยืม หรือสมุดบัญชีเงินกู้ กรณีที่เกษตรกรมีหนี้เร่งด่วน ให้เกษตรกรยื่นคำขอจัดการหนี้เร่งด่วนคราวเดียวกัน  โดยแนบเอกสารคำฟ้อง หรือคำพิพากษา หรือคำบังคับคดี ตามแต่กรณี.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง