รัฐบาลหวังเศรษฐกิจภาคดันจีดีพีโตร้อยละ 4.5-5

รร.แกรนด์ไฮแอท 29 ส.ค. –  รัฐบาลหวังสร้างเศรษฐกิจระดับภาคขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ยกให้เขต EEC พัฒนาอุตสาหกรรมหลัก  SEC พัฒนายาง ปาล์ม การท่องเที่ยว  เขต NEC ดูแลแหล่งท่องเที่ยวเหนือ เขต NEEC อีสานเป็นแหล่งไบโอชีวภาพพัฒนาจากอ้อย มันสำปะหลัง ผลิตชิ้นส่วนระบบราง ดึงศักยภาพทุกภาคร่วมผลักดันจีดีพีไทย


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน “Thailand Focus 2018” เรื่อง “กลยุทธ์การเชื่อมโยงประเทศสู่ One Belt One Rode ” ว่า เพื่อรองรับนโยบาย One Belt One Road เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากจีนลงมายังไทย ผ่านความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ไทยยังเดินหน้าเชื่อมโยงแหล่งอุตสาหกรรม เมื่อได้พัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เป็นที่ตั้งอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้มีทางออกไปยังฝั่งทะเลอันดามัน จึงเชื่อมเส้นทางจาก EEC ผ่านอ่าวไทยมาขึ้นฝั่งที่ จ.ชุมพร จากนั้นส่งสินค้าผ่านรถไฟทางคู่ต่อไปยัง จ.ระนอง และต่อไปยังกลุ่มประเทศ BIMSTEC อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา

จากนั้นจึงต้องการผลักดันเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ด้วยการดึงศักยภาพทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน พัฒนาด้วยอุตสาหกรรมไบโอชีวภาพให้มีคุณภาพสูงขึ้นบวกกับการท่องเที่ยว เพื่อเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ หวังให้ไทยมีเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญกระจายทุกภาค เตรียมผลักดันระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC) ที่มีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวและบริการ เส้นทางการค้า การลงทุน และยังเตรียมผลักดันการตั้งเขตเศรษฐกิจภาตตะวันออกเฉียงเหนือ (NEEC) เพื่อดึงศักยภาพทั้งการขนส่ง เป็นแหล่งพัฒนาไบโอชีวภาพ อ้อย น้ำตาล มันสำปะหลัง ข้าว เป็นแหล่งพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วน อุปกรณ์ระบบอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้า  เพื่อให้ทุกภาคเป็นส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศอย่างสมดุลหากภาคใดมีปัญหาจะได้เสริมจีดีพีของประเทศได้ และจากปัจจัยบวกหลายด้านดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจีดีพีปีนี้ขยายตัวร้อยละ 4.5-5


เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในการผลักดันเขตเศรษฐกิจทุกภาค หลังจากเขต EEC มีกฎหมายรองรับ ในส่วนภาคอื่นจะพิจารณาดูแลต้องจัดตั้งสำนักงาน หรือแก้ไขให้มีกฎหมายรองรับการผลักดันอย่างไรบ้าง  รวมทั้งการออกมาตรการสร้างแรงจูงใจการลงทุนลักษณะใดให้สอดคล้องตามภูมิภาค  คาดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือ เพื่อสรุปแนวทางเสนอ ครม.พิจารณาได้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) กล่าวยอมรับว่า มีกระแสเงินทุนระยะสั้นต่างชาติไหลเข้ามาในประเทศช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาในสัดส่วนมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน  ธปท.จึงเกิดความไม่สบายใจ จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการพิเศษเข้ามาดูแลกระแสเงินทุนไหลเข้ามาในช่วงนี้ เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ทั้งเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ทุนสำรองในระดับสูง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดคลายความกังวลสงครามการค้า จึงมีเงินทุนไหลเข้าไทยเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง