คุมตัวกลับมาดำเนินคดี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 19 คนไทยในเวียดนาม

กทม. 26 ส.ค. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 19 คนไทยในเวียดนาม ถูกคุมตัวกลับไทยดำเนินคดี หนึ่งในผู้ต้องหาสารภาพอ้างตัวเป็น ผบช.ภ.9 หลอกเหยื่อโอนเงิน


แก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทย 19 คน ที่ถูกตำรวจเวียดนามและไทยจับกุมที่คอนโดมิเนียมกลางเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เมื่อวานนี้ ถูกควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย โดยเครื่องบินมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 23.00 น. (25 ส.ค.)

พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ระบุว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการร่วมมือระหว่างตำรวจเวียดนามกับตำรวจไทย ได้ผู้ต้องหารวม 21 คน เป็นคนไทย 19 คน (หญิง 11 คน ชาย 8 คน) และอีก 2 คนเป็นชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นคนบงการ พฤติการณ์คือใช้ประเทศเวียดนามเป็นฐานตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกลวงคนไทยในประเทศไทย มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท


พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปอส.ตร. เปิดเผยว่า คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้หายไประยะหนึ่งจนแทบเป็นศูนย์แล้ว แต่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมามีผู้เสียหายจำนวนมากทยอยร้องเรียนว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกลวง จึงสืบสวนสอบสวนจนพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีฐานอยู่ในเวียดนาม จึงประสานความร่วมมือกับทางการเวียดนามในการเข้าจับกุม พบมีคนไทยร่วมขบวนการ 19 คน โดยมีชาวไต้หวันเป็นผู้บงการทั้งหมด รวมถึงทำสคริปต์พูดหลอกลวงในลักษณะต่างๆ ให้ นับเป็นครั้งแรกที่พบว่ามีการใช้ประเทศเวียดนามเป็นฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทย

จากการสอบสวนยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาบางคนเคยไปร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฟิลิปปินส์ กัมพูชา และอีกหลายประเทศ อยู่ระหว่างเร่งขยายผล เนื่องจากเชื่อว่ายังมีขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปฏิบัติการอยู่หลายพื้นที่ พร้อมเตือนว่าคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หากถูกจับกุม นอกจากความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชนแล้ว ยังเข้าข่ายอั้งยี่ รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติด้วย มีอัตราโทษสูง ขั้นต่ำคือจำคุก 10 ปี


ขณะที่หนึ่งในผู้ต้องหายอมรับว่า ทำหน้าที่โทรศัพท์หลอกเหยื่อ โดยจะอ้างตัวเป็น พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อข่มขู่และหลอกเหยื่อให้โอนเงิน. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ช่วยผู้รอดชีวิตรายแรก เหตุตึก สตง.แห่งใหม่ ถล่ม

กทม. 28 มี.ค. – ช่วยได้แล้ว 1 ราย ผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร สตง.แห่งใหม่ พังถล่ม เป็นคนงานที่ติดอยู่ในช่องลิฟต์ เร่งนำส่ง รพ. อัปเดตตัวเลขผู้เสียชีวิต ณ เวลา 19.25 น. เพิ่มขึ้นเป็น 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย สูญหาย 117 ราย .-สำนักข่าวไทย

ระดมค้นหา 94 ชีวิต เหตุตึกถล่มย่านจตุจักร

เกาะติดเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ พังถล่มจากแผ่นดินไหว จนท.ยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต ตัวเลข ปภ. คาดมีคนงานติดอยู่ในซาก 94 ราย ยังไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่ยืนยันผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 3 ราย ด้านนายกฯ ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ก่อนเดินทางไปยังศูนย์บัญชาการแผ่นดินไหว กทม.

กรมอุตุฯ เฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อก เขย่าแล้ว 21 ครั้ง

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานอาฟเตอร์ช็อกแล้ว 21 ครั้ง นักวิชาการระบุ พลังงานของแผ่นดินไหวลดลงตามลำดับ แต่ที่น่าห่วงคือ โครงสร้างของอาคารต่างๆ โดยเฉพาะอาคารสูงในกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นดินอ่อน ต้องมีการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง

นายกฯ ยันไม่เกิดสึนามิแน่ เหตุเป็นแผ่นดินไหวบนบก

นายกฯ เผยสถานการณ์แผ่นดินไหวคลี่คลาย ประชาชนกลับเข้าที่พัก-อาคารสูงได้ พร้อมเปิดพื้นที่สวนสาธารณะให้อยู่ ขณะรถไฟฟ้าเปิดให้ บริการอีกครั้งวันพรุ่งนี้ สั่งเร่งทยอยนำคนออกจากตึกถล่ม จตุจักร ก่อนลงพื้นที่ด่วน ยันไม่เกิดสึนามิแน่ เหตุเป็นแผ่นดินไหวบนบก