ชุมพร 24 ส.ค. – ธ.ก.ส.หนุนสร้างเครือข่ายธนาคารต้นไม้ ปลูกไม้มีค่าให้เป็นการออมเงิน เพิ่มเงินออม เงินบำนาญให้กับชุมชน จำนวน 12 ล้านต้น ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
หลังจากรัฐบาลออกแรงหนุนเต็มสูบ เพื่อส่งเสริมการปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตนเอง ทั้งไม้พะยูง สัก ชิงชัน มะค่า ประดู่ ผ่านการแก้ไขกฎหมายกรมป่าไม้ ยกร่างกฎหมายป่าชุมชน การใช้ต้นไม้มีค่าเป็นหลักประกันเงินกู้ ป้องกันที่ดินหลุดจำนอง หวังเพิ่มป่าให้เต็มเมือง และเติมพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ สร้างสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัตว์และสิ่งมีชีวิตหลากหลายมากขึ้น
การปลูกป่าไม้มีค่า เกิดประโยชน์มากมาย ทั้งเงินออมระยะยาวให้กับชุมชน กลายเป็นทรัพย์บนดินในระยะยาว เมื่อใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ ยังทยอยตัดขายเพิ่มสภาพคล่องในยามจำเป็นให้กับครัวเรือน ทั้งค่าเทอม งานบวช งานแต่งของลูกหลาน ไม้มีค่าหลากหลายชนิด ช่วง 20 ปี จะพุ่งสูงถึง 30,000 บาท/ต้น ธนาคารต้นไม้ของ ธ.ก.ส. จึงส่งเสริมสร้างเครือข่ายชุมชน คาดว่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า พื้นที่เหมาะสม 90 ล้านไร่ จะเต็มไปด้วยป่าไม้มีค่า ในพื้นที่ 80,000 ชุมชน สร้างให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากไม้อีกหลายสาขา
ธนาคารต้นไม้ จึงมุ่งสร้างมัคคุเทศก์น้อยเยาวชนในท้องถิ่น ช่วยป่าวประกาศให้เพื่อนนักเรียน สมาชิกในครอบครัว ชุมชน สนใจปลูกป่า เพื่อสร้างให้เป็นธนาคารต้นไม้
เยาวชนจะทำหน้าที่ออกจัดเก็บข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่น ติดตามความเคลื่อนไหวต้นไม้ที่ลงทะเบียนผ่านระบบดาวเทียม
ประโยชน์จากป่าไม้มีหลากหลายคุณค่า จึงคาดว่าธนาคารต้นไม้จะเติบโตไปพร้อมกับป่า เพื่อเป็นสินทรัพย์และเงินออมให้กับชุมชน จากปัจจุบันธนาคารต้นไม้ทั่วประเทศเกิดขึ้นแล้วกว่า 6,800 ชุมชน มีเกษตรกรร่วมปลูกต้นไม้ 115,185 ราย มีต้นไม้ปลูกเพิ่มขึ้น 12 ล้านต้น ขณะนี้ใน จ.ชุมพร มีชุมชนปลูกต้นไม้รวม 111 ชุมชน. – สำนักข่าวไทย