ราชบพิธ 20 ส.ค. – ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 48.6 ดีขึ้นต่อเนื่อง ได้รับอานิสงส์จากบอลโลก แนะภาครัฐเร่งสร้างภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยฟื้นฟูการท่องเที่ยว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนกรกฎาคมยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 อยู่ที่ 48.6 สูงกว่าเดือนมิถุนายนที่อยู่ที่ 48.4 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายและมาตรการของภาครัฐ เช่น มาตรการด้านสินเชื่อ การคงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ออกไปอีก 1 ปี สงครามการค้าจีนกับสหรัฐ และการปรับลดค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์ ประกอบกับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องใช้ไฟฟ้าขยายตัว ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ภัยธรรมชาติ และราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในอนาคตมีค่าสูงกว่าระดับ 50 อยู่ที่ 51.3 จึงคาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น แต่ต้องดูปัจจัยลบภายนอกที่อาจมีผลต่อเศรษฐกิจไทยด้วย
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ ขณะที่ภาคการเกษตรยังเปราะบาง คาดสิ้นปีนี้จะคลี่คลาย โดยภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกยังเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเศรษฐกิจในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเริ่มกลับมาฟื้นตัวปกติ แต่ภาคเหนือและภาคอีสานยังพึ่งพาการเกษตรเป็นหลักยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ยังเติบโต เนื่องจากการท่องเที่ยวและการบริการที่เติบโตโดดเด่น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มีทิศทางสดใสจะขยายตัวเกินร้อยละ 4.5 โดยจะมีการประกาศตัวเลขชัดเจนอีกครั้งปลายเดือนสิงหาคมนี้
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาที่ภาคเอกชนเผชิญอยู่และต้องการให้มีการแก้ไข คือ ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เนื่องจากสินค้าเกษตรล้นตลาด จึงอยากให้เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรเป็นสินค้าแปรรูป ขณะเดียวกันเอสเอ็มอี ควรมีการพัฒนาเรื่อง Packaging ขณะที่เหตุการณ์เรือล่มส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว อยากให้เน้นเรื่องความปลอดภัยทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ รวมถึงการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยว พร้อมยืนยันยังไม่มีการปรับเป้าการส่งออก เพราะยังมีปัจจัยสงครามการค้าจีนกับสหรัฐที่คาดว่าจะมีการเจรจากันเร็ว ๆ นี้ ขณะที่สถานการณ์การเมืองของหลายภูมิภาคยังเป็นเรื่องที่น่ากังวล ส่วนวันนี้จะมีการพบกับองค์การส่งเสริมการค้าต่าง ประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เกี่ยวกับผลการสำรวจของนักลงทุนญี่ปุ่นที่มีต่อประเทศไทยทั้งเรื่องการค้าและขยายการลงทุนในอนาคต. – สำนักข่าวไทย