กทม.10 ส.ค.- กทม.เตรียมร่างประกาศกำหนดถนนข้าวสารเป็นจุดผ่อนผัน คาดใช้เวลา 1 เดือนแล้วเสร็จ เบื้องต้นอนุโลมให้ทำการค้า 18.00-24.00 น.
นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่าฯ กทม.) เป็นประธานในการประชุมหารือแนวทางการจัดระเบียบถนนข้าวสารแบบถาวร โดยร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และ กองอำนวยการร่วมรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) หลังดีเดย์จัดระเบียบไปเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนต้องอนุญาตชั่วคราวให้ผู้ค้าตั้งแผงบนทางเท้าทำการค้าขายได้ในช่วงเวลา ตั้งแต่เวลา 18.00-24.00 น.เท่านั้น
นายสกลธี กล่าวภายหลังการประชุมว่า ผลสรุปในที่ประชุมมอบหมายให้ สำนักงานเขตพระนคร ร่างแผนโครงการจัดระเบียบถนนข้าวสาร ภายใต้ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ตามมาตรา 20 กำหนดให้ย่านถนนข้าวสารเป็นพื้นที่จุดผ่อนผัน สามารถตั้งแผงค้าบนทางเท้าได้ แต่ต้องจำหน่ายสินค้าในช่วงเวลาที่กำหนด เบื้องต้นช่วงเวลาที่เหมาะสม คือตั้งแต่ 16.00 -24.00 น.ขนาดแผงค้า 1.5 x1 เมตร โดยให้เขตพระนคร ดำเนินการพิสูจน์สิทธิ์ ผู้ค้าตัวจริงภายในเวลา 10 วัน เพื่อให้สิทธิ์ทำการค้า 1 คนต่อ1 แผง ให้อยู่ในกรอบเดิมประมาณ 230 แผง จึงต้องมีการปรับลดขนาดแผงค้าจากที่เป็นอยู่ให้เท่ากับขนาดที่ กทม.กำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับร่างประกาศฯ ซึ่งระหว่างนี้จะยังคงอนุโลมให้ผู้ค้าตั้งแผงบนทางเท้าได้ ตั้งแต่ 18.00 – 24.00 น.เท่านั้น จนกว่าจะออกประกาศอย่างเป็นทางการ คาดใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
นายสกลธี กล่าวอีกว่า การออกประกาศดังกล่าวจะครอบคลุมไปถึงการจัดระเบียบถนนบริเวณโดยรอบ อาทิ ถนนจักรพงษ์ ถนนรามบุตรี ถนนไกรสีห์ และถนนสิบสามห้างด้วย ซึ่งจะมีการทำประชาพิจารณ์ เชิญผู้ค้า และเจ้าของตึกแถว มาร่วมแสดงความคิดเห็นก่อนการจัดระเบียบ ภายหลัง กทม.ออกประกาศกำหนดเป็นจุดผ่อนผันแล้ว การค้าบริเวณถนนข้าวสารจะต้องถูกกฎหมาย ไม่อนุญาตให้ทำการค้าขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย หรือละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงผู้ค้าต่างด้าว
ส่วนกรณีพื้นที่อื่นๆ ที่ กทม.จัดระเบียบหรือยกเลิกจุดผ่อนผันไปแล้ว หากต้องการขอกลับมาค้าขายอีกนั้น ต้องดูสภาพแวดล้อมว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ มีซึ่งแต่ละพื้นที่มีความเป็นอัตลักษณ์ที่แตกต่างกัน โดยต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจร และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนร่วมเป็นหลัก .-สำนักข่าวไทย