ขอนแก่น 9 ส.ค.-ทนายโจทก์ร่วมคดี เปรี้ยวกับพวกฆ่าหั่นศพ “น้องแอ๋ม” หอบสำนวน 43 หน้า ยื่นศาลอุทธรณ์ขอศาลตัดสินลงโทษประหารชีวิต พร้อมให้จำเลยชดใช้ค่าไร้อุปการะมากกว่า 10 ล้านบาท
นายนพดล สีดาทัน ทนายโจทก์ร่วมในคดีฆ่าหั่นศพนางสาววริศรา หรือ แอ๋ม กลิ่นจุ้ย พนักงานสถานบริการแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น นำสำนวนคำอุทธรณ์ จำนวน 43 หน้า เข้ายื่นอุทธรณ์ในคดีดังกล่าว ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น โจทก์ และ น.ส.พิชชาภา คำเพิงใจ และนายนพดล สีดาทัน ทนายความโจทก์ร่วม กับ น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว โนนวังชัย ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน จำเลย ในข้อหาความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ โดยนายนพดลได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เนื่องจากเห็นว่าศาลตัดสินเบากว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์วิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดที่สมควรได้รับโทษสูงสุดคือประหารชีวิต
นายนพดล ทนายโจทก์ร่วม กล่าวว่า หลังจากศาลจังหวัดขอนแก่นอ่านคำพิพากษาในคดีดังกล่าว โดย ยกฟ้อง น.ส.เปรี้ยว น.ส.เอิร์น น.ส.แจ้ และ นายวศิน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน วันนี้ในฐานะทนายโจทก์ร่วมและครอบครัวของผู้เสียหาย จึงมาขอยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดีใหม่เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาตามฟ้องโจทก์เดิม คือ น.ส.ปรียานุช หรือ เปรี้ยว โนนวังชัย พร้อมพวกร่วมก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา หรือ แอ๋ม กลิ่นจุ้ย โดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา 289 และ ให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้ง 4 คน คือ น.ส.เปรี้ยว น.ส.เอิร์น น.ส.แจ้ และ นายวศิน ชำระค่าไร้อุปการะให้กับโจทก์ร่วมและค่าใช้จ่ายตามความจำเป็น จำนวน 10,300,000 บาท เท่ากับคำฟ้อง ซึ่งจากคำให้การของพยานที่ผ่านมามีความชัดเจนว่าจำเลยทั้ง 4 คน ได้แบ่งหน้าที่การทำงานจนสามารถฆ่าหั่นศพ น.ส.แอ๋ม ตามที่ได้ตั้งใจและไตร่ตรองไว้ โดยมีทั้งการลงไปซื้ออาวุธ มีการไตร่ตรองเพื่อนำถุงดำมาผูกคอฆ่าให้ตาย และไตร่ตรองซ้ำการหั่นศพให้เป็นชิ้นเล็กๆและทำลายเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายและเหี้ยมโหด นอกจากนี้มีการไตร่ตรองว่าจะซ่อนศพอย่างไร เอาศพไปทำลายแบบไหน เพื่อไม่ให้ใครเห็นและพวกตัวเองหลุดพ้นจากการกระทำความผิด
อย่างไรก็ตาม หลังจากยื่นอุทธรณ์ไปแล้วทางจำเลยจะแก้หรือไม่แก้อุทธรณ์ก็เป็นเรื่องของฝ่ายจำเลย เมื่อเข้าสู่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยที่จะเป็นองค์คณะของศาลอุทธรณ์ในเวลาไม่เกิน 6 เดือน เพราะโทษที่ศาลชั้นต้นตัดสินมามีฐานความผิดฆ่าคนตายโดยเจตนาเป็นเรื่องธรรมดาครอบครัวของผู้เสียชีวิตจึงไม่พอใจขอยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดีใหม่ในชั้นอุทธรณ์ โดยต่อสู้ว่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะมีสาเหตุโกรธเคือง มีการเตรียมเช่ารถที่นำ น.ส.แอ๋มไปขอนแก่น ยื่นอุทธรณ์ขอให้ประหารแก๊ง “เปรี้ยว” ฆ่าหั่นศพ มีการวางแผนด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำ 4 คน ไม่มี น.ส.เบนซ์เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ได้ทราบว่าในฝ่ายของจำเลยได้ทราบว่ายังไม่มีการยื่นอุทธรณ์ แต่ได้ขยายเวลาในการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งตนเชื่อว่าทนายจำเลยยื่นอุทธรณ์เพราะว่าศาลตัดสินในคดีดังกล่าวในมาตรา 288 หนักเกินไป ต้องลงโทษเบากว่ามาตรา 288 คือ ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
สำหรับการยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำตัดสินของศาลชั้นต้นในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 ศาลจังหวัดขอนแก่นได้พิพากษาคดี โดยให้ น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว โนนวังชัย พร้อมพวกร่วมก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา หรือแอ๋ม กลิ่นจุ้ย โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว และ น.ส.กวิตาหรือเอิร์น ราชดา ในความผิดร่วมกันฆ่าทำลายศพ และร่วมกันลักทรัพย์ แต่ให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้หนึ่งในสาม เหลือ 34 ปี 6 เดือน ส่วน น.ส.อภิวันท์ หรือแจ้ สัตยบัณฑิต จำคุก 33 ปี 9 เดือน ข้อหาร่วมกันฆ่า, ทำลายศพและเสพยาบ้า นายวศิน หรือนิว นามพรหม จำคุก 23 ปี 4 เดือน 20 วัน ข้อหาทำลายศพ และร่วมกันลักทรัพย์ ส่วน น.ส.จิดารัตน์ หรือเบนซ์ พรมคุณ จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในข้อหารับของโจร พร้อมกันนี้ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 1,070,000 บาท แก่ครอบครัวผู้ตาย
ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่าจำเลยไม่ได้ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแต่เจตนาล่อลวงผู้เสียชีวิตขึ้นรถไปทำร้ายร่างกาย ต่อมาทั้งสองมีปากเสียงกัน จึงเปลี่ยนเจตนาเป็นฆ่าและอำพรางศพ ก่อนนำตัวจำเลยทั้ง 4 ราย คือ น.ส.เปรี้ยว,น.ส.เอิร์น,น.ส.แจ้ และนายวศิน ไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เนื่องจากนักโทษคดีร้ายแรงที่มีโทษสูงเกิน 15 ปี ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย