ป.ป.ส.8ส.ค.- ป.ป.ส. ร่วมกับหลายหน่วยงานจับกุมเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ชาวแอฟริกันตะวันตกผ่านช่องทางท่าอากาศยานรวม221คดี ผู้ต้องหา 261 คน ของกลางโคเคน 417 กิโลกรัม ไอซ์ 198 กิโลกรัม
นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการป.ป.ส.)ร่วมกับหน่วยงาน แถลงผลบูรณาการความร่วมมือปราบปรามยาเสพติด ภายใต้โครงการสกัดกั้นยาเสพติด พื้นที่ท่าอากาศยาน(Airport Interdiction Task Force (AITF) ซึ่งเป็นความร่วมมือปราบปรามยาเสพติดระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติของอาเซียน โดยตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติชาวแอฟริกันตะวันตก รวม 221 คดี ผู้ต้องหา 261 คนของกลางโคเคน 417 กิโลกรัม ไอซ์ 198 กิโลกรัม
นอกจากนี้ยังประสานข้อมูลการข่าวกับหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดในต่างประเทศเพื่อจับกุมผู้ต้องหาลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านท่าอากาศยานอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะการจับกุมผู้ลำเลียงยาเสพติดสัญชาติไทยที่ท่าอากาศยานประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีสถิติสูง ตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 ถึงปัจจุบัน คดีการจับกุม 27 คดี ผู้ต้องหา26คน ของกลางไอซ์ 27,671 กรัม
โดยคดีสำคัญคือการจับกลุ่มกลุ่มหญิงไทยที่ถูกเครือข่ายว่าจ้างให้ขน ยาเสพติดจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมกรารม ปีนี้ และได้สืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้สั่งการรายใหญ่สัญชาติไนจีเรียน ได้2คน ที่อำเภอเกาะสมุยจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่3สิงหาคมที่ผ่านมา
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการความร่วมมือปรับรามยาเสพติดระหว่างท่าอากาศยานตั้งแต่ปี 2554 ทำให้การสกัดกั้นยาเสพติดที่จะลำเลียงผ่านท่าอากาศยานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นับตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการความร่วมมือปราบปรามยาเสพติดระหว่างท่าอากาศยานตั้งแต่ปี 2554 โดยกลุ่มค้ายาเสพติดที่ใช้วิธีลำเลียงยาเสพติดผ่านท่าอากาศยานมายังประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติชาวแอฟริกันตะวันตก โดยมีประเทศต้นทางจากทวีปอเมริกาใต้ เช่นโคลัมเบีย เปรู อาร์เจนตินาและบราซิล ซึ่งลำเลียงยาเสพติด ชนิดโคเคน ผ่านมาพักในประเทศแถบตะวันออกกลางจากนั้นลำเลียงเข้ามายังประเทศไทย และให้เครือข่ายในประเทศไทย ว่าจ้างหญิงไทยหรือหญิงชาวอาเซียน บางรายมีการแต่งงานบังหน้า ลำเลียงยาเสพติดไปยังประเทศต่างๆ แต่ที่พบมากขณะนี้ คือไปยังประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี
ซึ่งภายหลังจากการจับกุมกลุ่มหญิงไทยที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านสนามบินไปประเทศญี่ปุ่นได้ต่อเนื่องถึง 27คดีทำให้ญี่ปุ่นแสดงความวิตกและส่งตำรวจญี่ปุ่นมาร่วมปฎิบัติงานสืบสวนกับป.ป.ส. ที่ประเทศไทย และสืบทราบว่าหญิงไทยส่วนใหญ่ สมัครใจรับจ้างลำเลียงยาเสพติดให้กับเครือข่ายนี้ มีบางส่วนที่ถูกหลอกโดยการซื้อตั๋วให้ไปเที่ยวกับบริษัททัวร์และให้ ซุกซ่อนยาเสพติดไปด้วย จึงได้ขยายผลจนทราบว่ามีผู้สั่งการรายใหญ่ของเครือข่ายนี้เป็นชาวไนจีเรียน มาอยู่ที่อำเภอเกาะสมุยจังหวัดสุราษฎร์ธานีจึงขออนุมัติหมายศาลเข้าทำการจับกุม ได้พร้อมของกลางโคเคนจำนวนหนึ่ง .-สำนักข่าวไทย