ป.ป.ช. 7 ส.ค.- ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด 2 อดีต ผอ.พศ. “นพรัตน์-พนม” ทุจริตเงินทอนวัดล็อต 3 เร่งแสวงหาข้อเท็จจริงอีก 44 เรื่อง ขณะที่ พิจารณาแล้วเสร็จ 19 เรื่อง อยู่ระหว่างการไต่สวน 17 เรื่อง
นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลง วันนี้ (7 ส.ค.) ว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กับพวก รวม 4 คน ร่วมกันทุจริตเงินงบประมาณโครงการอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ปี 2556 จากกรณีอนุมัติเงินสนับสนุน วัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร เป็นการโอนเงินผ่านบัญชีของวัดพระพุทธบาทตากผ้า ตามคำร้องขอจากพระสุทธิพงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยเดนมาร์กฯ
นายวรวิทย์ กล่าวว่า พศ. โอนเงินให้วัดพระพุทธบาทตากผ้า จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2556 และครั้งที่ 2 วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 ครั้งละ 3 ล้านบาท รวม 6 ล้านบาท จากนั้น เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า ได้โอนเงินไปยังบัญชี พระสุทธิพงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยเดนมาร์กฯ เมื่อวันที่ 9 มกราคม และ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 ครั้งละ 2,899,970 บาท รวมทั้งสิ้น 5,799,940 บาท ส่วนเงินที่เหลือกว่า 200,000 บาท เจ้าอาวาสวัดไทยเดนมาร์กฯ แจ้งว่าบริจาคให้กับวัดพระพุทธบาทตากผ้า
“การอนุมัติงบประมาณดังกล่าวไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ของ พศ.ที่ไม่สามารถโอนเงินให้วัดที่อยู่ต่างประเทศได้ รวมถึง จัดทำงานการประชุม เพื่อขอรับเงินสนับสนุนอันเป็นเท็จ ดังนั้น ป.ป.ช. มีมติชี้มูล นายนพรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานประพุทธศาสนาแห่งชาติ มีความผิดทางอาญา ม.147 ,ม.151 ,ม.157 ประกอบ ม.83 และผิดวินัยร้ายแรง” นายวรวิทย์ กล่าว
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ส่วน นายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน และ นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและศาสนสงเคราะห์ มีความผิดอาญา และวินัยร้ายแรง รวมถึง เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของนายนพรัตน์ ขณะที่ พระสุทธิพงศ์ไม่มีสถานะเป็นเจ้าพนังงานตามกฎหมาย จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
นอกจากนี้ นายวรวิทย์ กล่าวว่า ป.ป.ช. ยังชี้มูลความผิดนายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมกันทุจริตเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด ประจำปี 2558 วงเงิน 24 ล้านบาท ในจังหวัดลำปาง 5 วัด และจังหวัดแพร่ 1 วัด จากกรณี พระศิวโรจน์เจ้าอาวาสวัดบ้านอ้อ จ.ลำปาง ได้ติดต่อ นางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสาสุทธิ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนสถาน เพื่อของบอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดประจำปี 2558
นายวรวิทย์ กล่าวว่า จากนั้น นางณัฐฐาวดี ได้แจ้งไปยัง น.ส.ประนอม คงพิกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.กองพุทธศาสนสถาน โดย น.ส.ประนอม ได้แจ้งเงื่อนไขการรับเงินอุดหนุน ว่า จะต้องโอนเงินคืนกลับมา 70-80% ซึ่ง พระศิวโรจน์ ยอมรับเงื่อนไข และได้แจ้งชื่อวัดที่ขอรับเงินอุดหนุนรวม 6 วัด ประกอบด้วย วัดบ้านอ้อ ,วัดวัฒนาราม ,วัดอุมลอง ,วัดทุ่งต๋ำ ,วัดหาดปู่ด้าย จ.ลำปาง และ วัดศรีบุญนำ จ.แพร่
นายวรวิทย์ กล่าวว่า จากนั้น นายพนม ศรศิลป์ ผอ.พศ. ได้อนุมัติงบให้วัดละ 4 ล้านบาท เมื่อได้รับงบประมาณแล้ว 6 วัดดังกล่าวได้โอนเงินกลับเข้าบัญชีของ นางณัฐฐาวดี , พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ และ น.ส.อุบล ดิษฐ์ด้วง รวม 17,800,000 บาท ทำให้วัดได้รับเงิน 700,000 – 900,000 บาท ซึ่งรายชื่อของพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ และน.ส.อุบล เป็นการขอใช้บัญชีเงินฝากตามคำสั่งของ น.ส.ประนอม เมื่อได้รับเงินแล้ว นางณัฐฐาวดีได้ถอนเงินออกจากบัญชี เพื่อนำไปให้ น.ส.ประนอม
“ดังนั้น ป.ป.ช.จึงมีมติชี้มูลความผิด นายพนม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ. ,น.ส.ประนอม และนายวสวัตติ์ มีความผิดทางอาญา ม.147 ,ม.151 ,ม.157 ประกอบม.83 ,ม.90 และ ม.91 และวินัยอย่างร้ายแรง” นายวรวิทย์ กล่าว
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ส่วน นางณัฐฐาวดี มีความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง รวมถึง มีความผิดฐานสนับสนุนนายพนม ขณะที่ นายศิวโรจน์ ปิยรัตน์เสรี หรือ พระศิวโรจน์ และ น.ส.อุบล มีมูลความผิดทางอาญา โดย ป.ป.ช.มีความเห็นส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโทษทางวินัย และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญาต่อไป
“คดีทุจริตเงินทอนวัด ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.มีทั้งหมด 81 เรื่อง โดยพิจารณาแล้วเสร็จ 19 เรื่อง อยู่ระหว่างการไต่สวน 17 เรื่อง อีก 44 เรื่องอยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง” นายวรวิทย์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย