นักวิชาการชี้โครงสร้าง-กระบวนการสอบสวนของตำรวจมีปัญหา

กรุงเทพฯ 29 ก.ค.- อดีตคณบดีนิติศาสตร์ ชี้ปัญหาตำรวจมีตั้งแต่โครงสร้างและกระบวนการสอบสวนที่ไม่มีการถ่วงดุล  “คำนูณ” ระบุ ร่าง กม.ตำรวจแห่งชาติ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนเพื่อนำไปสู่เป้าหมายสำคัญ ในการแก้ไขทุกข์ให้กับตำรวจและประชาชน


มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปท.) จัดเสวนาการปฏิรูปประเทศไทย เรื่องการปฏิรูปตำรวจ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า การปฏิรูปตำรวจมีเสียงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปมากที่สุด ประชาชนต้องการเห็นตำรวจเป็นมืออาชีพ และมีความเชี่ยวชาญงานแต่ละด้าน แต่สภาพที่เป็นอยู่จะพบว่ามีการโยกย้ายข้ามกันไปมา เหมือนกับตำรวจคนหนึ่งทำงานได้ทุกเรื่องในตัวคนเดียว ซึ่งไม่ได้สะท้อนความเป็นมืออาชีพ ที่สำคัญประชาชนต้องการให้ตำรวจเป็นของประชาชน ไม่ใช่เครื่องมือของผู้มีอำนาจ ประชาชนคาดหวังว่า ถ้าตำรวจอยู่ในพื้นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา รู้เท่าทันเหตุการณ์ ซึ่งน่ายินดีที่รัฐธรรมนูญบัญญัติการปฏิรูปตำรวจไว้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายที่ต้องใช้หลักอาวุโส 

นายบรรเจิด สิงคะเนติ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า การปฏิรูปตำรวจเป็นประเด็นใหญ่ที่สุดประเด็นหนึ่ง เพราะเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมและเชื่อมโยงถึงประชาชนโดยตรง ถ้ากระบวนการนี้ไม่โปร่งใส ยิ่งจะสร้างความทุกข์ให้กับประชาชน เช่นกรณีของลุงที่กระโดดตึก สะท้อนปัญหากระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกระบวนการสอบสวน ถ้าไม่แก้ไขก็จะมีการเดิมพันด้วยชีวิตอีก เพื่อให้กลับมาดูสำนวนการสอบสวน ดังนั้นคำกล่าวที่บอกว่าคนจนติดคุก จึงไม่ได้ไกลจากความจริงเท่าใดนัก


นายบรรเจิด กล่าวว่า ปัญหาของตำรวจมีด้วยกันหลายปัญหาได้แก่ 1.โครงสร้างที่เป็นลักษณะพีระมิด ยอดพีระมิด คือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร.ถ้ายอดพีระมิดอยู่ใต้การเมือง ที่เหลือก็จะอยู่ใต้การเมืองเช่นกัน และระบบการบังคับบัญชาแบบชั้นยศไม่เอื้อต่อการทำงานสอบสวน  2.การแต่งตั้งโยกย้ายและการเข้าสู่ตำแหน่งในบางพื้นที่มีต้นทุนสูงมาก ซึ่งมีผลให้กระบวนการสอบสวนเดินหน้าไม่ได้ ถ้าการเข้าสู่ตำแหน่งมาจากการลงขันของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ต้นทางกระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งประชาชนได้ และ3.ปัญหากระบวนการสอบสวน เป็นปัญหาที่ไม่มีใครเข้าไปถ่วงดุลตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการ เมื่อต้นทางปราศจากการถ่วงดุล ปลายทางก็จะเป็นปัญหาเช่นกัน ทำให้ขาดหลักประกันความเป็นอิสระของพนักงานสอบสวน

นายบรรเจิด กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาจะต้องเน้นไปที่โครงสร้างกระบวนการสอบสวนภายใต้หลักการสำคัญที่เป็นหลักสากล คือ การต้องพิสูจน์จนปราศจากข้อสงสัย การจะดำเนินการตามหลักสากลดังกล่าวได้ก็ต้องให้อัยการและตำรวจเข้ามาร่วมกันแสวงหาข้อเท็จจริง เรียกว่าตำรวจกับอัยการต้องเป็นกระบวนการเดียวกัน ดังนั้นในหลักสากล จึงควรให้อัยการเข้ามาร่วมแสวงหาข้อเท็จจริง และทำหน้าที่ถ่วงดุลการสอบสวนของตำรวจด้วย ซึ่งในทางปฏิบัติอัยการไม่จำเป็นต้องเข้ามาในทุกคดี แต่ให้เข้ามาทำหน้าที่เฉพาะคดีที่มีความสำคัญ

“ถ้ากระบวนการนี้ถูกสถาปนาขึ้นมาได้จริง จะทำให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดหลักของประเทศไทย ที่ผ่านมาไม่เคยแก้ปัญหาเส้นเลือดหลักอย่างจริงจัง ในทางกลับกันกลับใช้วิธีการแก้ไขผ่านการตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมาจำนวนมาก และไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ถ้าทศวรรษนี้เรายังแก้ไขไม่ได้ เชื่อว่าจะเกิดการพลีชีพอีก ดังนั้นโครงสร้างของตำรวจ ควรให้ตำรวจไปขึ้นกับจังหวัด อย่างกรณีของถ้ำหลวง ถ้าเวลานั้นผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ก็อาจจะไม่สำเร็จอย่างทุกวันนี้ก็ได้ องคาพยพถ้าไม่อยู่ภายใต้ความเป็นเอกภาพ ก็ไม่มีทางที่ประชาชนในพื้นที่จะเกิดความผาสุก” นายบรรเจิด กล่าว


ขณะที่นายคำนูณ  สิทธิสมาน กรรมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าคณะกรรมการที่พิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธาน และมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมอยู่ด้วย ซึ่งขั้นตอนการทำงานของร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นในกระบวนการของกฤษฎีกาแล้ว เหลือเพียงบางประเด็นเท่านั้น ส่วนร่างพ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา เสร็จสิ้นไปแล้วประมาณ 3ใน4 

นายคำนูณ กล่าวว่า เมื่อร่างกฎหมายทั้งสองฉบับนี้มีการประกาศบังคับใช้แล้ว ประชาชนจะได้ประโยชน์ 6 ประการ ได้แก่ 1.ประชาชนจะได้ตำรวจอาชีพที่มีความรู้ความสามารถ โดยเป็นตำรวจที่ไม่ต้องอาศัยระบบอุปถัมภ์  2.ประชาชนจะได้กำลังของตำรวจมาทำภารกิจที่ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น  3.ประชาชนจะได้กระบวนการสอบสวนคดีอาญาในชั้นตำรวจที่มีความเป็นอิสระ ไม่ต้องขึ้นต่อผู้บังคับบัญชาตามปกติ 

4.ประชาชนจะได้ระบบการสอบสวนที่รัดกุม และไม่สร้างภาระให้กับประชาชน คือ กำหนดให้อัยการเข้ามามีส่วนร่วมกระบวนการสอบสวนตั้งแต่ต้นในคดีอุกฉกรรจ์ 5.ประชาชนจะได้ระบบที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาการจับกุมผู้ต้องหาและให้ผู้ต้องหามาแถลงข่าว และการละเลยพยานหลักฐาน และ 6.ประชาชนจะได้กลไกการตรวจสอบจากภายนอกองค์กรตำรวจมากขึ้น ประชาชนเห็นตำรวจที่มีความประพฤติเสื่อมเสีย จะมีกลไกให้ประชาชนร้องเรียนได้โดยตรง และมีคณะกรรมการที่เป็นบุคคลภายนอกเข้ามาทำหน้าที่นี้

นายคำนูณ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ที่ประชาชนจะได้จากร่างกฎหมายใหม่ทั้งสองฉบับ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนเพื่อนำไปสู่เป้าหมายสำคัญในระยะยาว ที่สุดแล้วการปฏิรูปตำรวจ จะต้องเป็นการแก้ไขทุกข์ให้กับตำรวจและประชาชนไปพร้อมกัน โดยให้ตำรวจสามารถได้เลื่อนขั้นตามความรู้ความสามารถ และเป็นการแก้ทุกข์ให้ประชาชนในการได้รับความยุติธรรม

“งานปฏิรูปตำรวจครั้งนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด เพราะมีเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวพันจำนวนมา แต่ผมเชื่อว่ากฎหมายสองฉบับถ้าบังคับใช้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ได้ทำอย่างดีที่สุด แต่กระบวนการตรากฎหมายจะต้องผ่านคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นเรื่องที่ต้องเอาใจช่วยกัน และหวังว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอยเหมือนในอดีต” นายคำนูณ กล่าว

นายคำนูณ กล่าวว่า สำหรับการโยกย้ายข้าราชการตำรวจในปีนี้ ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ไม่น่าจะประกาศใช้ได้ทัน ทำให้ต้องกลับไปใช้การโยกย้ายตำรวจตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่กำหนดให้ใช้หลักอาวุโส โดยให้คณะรัฐมนตรีไปออกระเบียบและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งขณะนี้มีนักกฎหมายตีความกันว่าจะใช้หลักอาวุโสเพียงอย่างเดียว หรือ จะนำหลักอื่นมาพิจารณาด้วย จึงอยากให้สังคมช่วยกันติดตาม

นายสุเทพ กล่าวในช่วงท้ายว่า ตนเองอยากเป็นตัวแทน ประชาชน ขอบคุณคณะกรรมการฯที่พิจารณาร่างกฎหมายตำรวจแห่งชาติ และดีใจที่เห็นการปฏิรูปตำรวจ แม้อาจไม่ได้ดั่งใจ 100 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อได้เห็นร่างฉบับเต็ม ก็จะชวนประชาชนจุดพลุใหญ่ ฉะนั้นเชื่อว่าการปฏิรูปครั้งนี้ก็น่าจะสำเร็จ ทำให้เกิดการปฏิรูปตำรวจ เพื่อปลดทุกข์ตำรวจและประชาชน ขณะเดียวกันขอพูดในฐานะผู้ร่วมแต่งตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยว่า หากร่างกฎหมายของคำนูณและคณะกรรมการฯไม่ผ่านการพิจารณา จะขอคัดลอกไปปรับปรุงใหม่เป็นร่างของพรรค เพราะไม่แน่ใจว่ารัฐบาลต่อไปจะดำเนินการต่อหรือไม่.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบช.น.ยอมรับการอบรมอาสาตำรวจให้คนจีนมีจริง-ตร.แค่เป็นวิทยากร

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับการอบรมอาสาตำรวจให้กับคนจีนมีจริง แต่เจ้าของโครงการ ไม่ใช่ตำรวจนครบาล 3 เพียงแต่ถูกเชิญไปเป็นวิทยากรเท่านั้น ส่วนเจ้าของโครงการ เป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านฝั่งธนบุรี

ชายวัย 53 เมาคว้าปืนลูกซองยิงเพื่อนบ้านวัย 60 ดับ ฉุนฉลองปีใหม่

ชายวัย 53 ปี อารมณ์ร้อน คว้าปืนลูกซองยิงชายวัย 60 ปี เสียชีวิต ฉุนนั่งย่างเนื้อให้ลูกๆ ที่กลับมาเยี่ยมบ้านฉลองปีใหม่

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ

นึกว่าแจกฟรี ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เมืองเชียงใหม่

เอาใจสายเนื้อ ขึ้นเหนือไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ย่านถนนราชดำเนิน กลางเมืองเชียงใหม่ ขายดิบขายดี นึกว่าแจกฟรี ลูกค้าต่อแถวยาวเหยียด

ข่าวแนะนำ

กต.เผยเมียนมาปล่อยนักโทษไทย 152 คน-ไม่มี 4 ลูกเรือประมง

กระทรวงการต่างประเทศ เผยเมียนมาปล่อยตัวนักโทษชาวไทย 152 คน แต่ยังไม่มี 4 ลูกเรือประมง ยืนยันพยายามอย่างเต็มที่

นศ.ซิ่งเก๋งชนเสาไฟล้ม 12 ต้น ทับรถ 3 คัน โค้งถนนกาญจนาภิเษก

นักศึกษาซิ่งเก๋งชนเสาไฟฟ้าล้ม 12 ต้น ทับรถที่วิ่งผ่านไปมาเสียหาย 3 คัน บริเวณโค้งถนนกาญจนาภิเษก ตัดเพชรเกษม ประชาชน 150 ครัวเรือนเดือดร้อนไฟดับ การไฟฟ้านครหลวงเร่งซ่อมแซม คาดเย็นนี้กลับมาใช้การได้ตามปกติ

นายหน้าลอยแพ 250 แรงงานไทย ไร้ตั๋วบินทำงานต่างประเทศ

ฝันสลาย แรงงานไทย 250 ชีวิต เหมารถมาสนามบินเก้อ หวังได้ไปทำงานในต่างประเทศ สุดท้ายไม่มีตั๋วบิน รวมตัวแจ้งความตำรวจ หวั่นถูกหลอกสูญเงินกว่า 12 ล้านบาท