ครม.อนุมัติแผนพัฒนาแหล่งน้ำอีสานตอนล่าง 2

อุบลราชธานี 24 ก.ค. – ครม.อนุมัติแผนพัฒนาแหล่งน้ำอีสานตอนล่าง 2 ยกระดับเป็นเกษตรอินทรีย์ 1 ล้านไร่ ภายในปี 2564


พลโทสรรเสริญ  แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการตามที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 เสนอให้มีการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย 40 โครงการ ประกอบด้วย แก้มลิง 25 โครงการ อาคารบังคับน้ำ 8 โครงการ ฝาย 3 โครงการ การสูบน้ำด้วยระบบโซล่าเซล 3 โครงการ และระบบส่งน้ำ/กระจายน้ำ 1 โครงการ แต่บางโครงการมีการทับซ้อนกัน จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษารายละเอียดอีกครั้ง หากโครงการใดไม่มีการทับซ้อนเชิงพื้นที่ก็จะอนุมัติให้ดำเนินการได้

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังสนับสนุนการยกระดับพืชผลและการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร ซึ่งกลุ่มจังหวัดตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเพิ่มพื้นที่ทำการเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ จากเดิม 170,000 ไร่ เป็น 1 ล้านไร่ ภายในปี 2564 รวมถึงส่งเสริมนวัตกรรมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรตามที่กลุ่มจังหวัดขอรับการสนับสนุน ทั้งการสร้างโรงงานต้นแบบแปรรูปสินค้าเกษตรใน 3 กลุ่ม คือ แปรรูปเนื้อสัตว์ เครื่องดื่มและเครื่องสำอาง การก่อสร้างอาคารวิจัยพัฒนาการแปรรูปสินค้าเกษตร การรวมกลุ่มคลัสเตอร์ของเกษตรอินทรีย์ ด้วยการขยายตลาดการค้า มีการรับรองมาตรฐานสินค้าในพื้นที่ เพื่อให้สะดวกต่อการส่งออกกาค้าชายแดน แหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และการกำหนดพื้นที่อุตสาหกรรมแบบชีวภาพ ด้วยการประกาศให้เป็นพื้นที่ไบโออินทรีย์


พลโทสรรเสริญ  กล่าวว่า คณะรัฐมนตรียังอนุมัติหลักการการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน มุ่งเน้นให้โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์เป็นศูนย์กลางการรับผู้ป่วยและเห็นชอบให้ขยายการตั้งศูนย์ย่อยของโรงพยาบาลที่มณฑลทหารบกที่ 22  โดยเน้นการดูแลรักษาโรคทั่วไปก่อน ขณะเดียวกันส่งเสริมการดำเนินงานศูนย์แผนแพทย์ไทยครบวงจรในพื้นที่อำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ แต่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงเห็นชอบให้ตั้งศูนย์ย่อยในเขตตัวเมือง เพื่อให้ประชาชนสะดวกต่อการมาใช้บริการ

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังอนุมัติหลักการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดฯ โดยให้เพิ่มมาตรฐานและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยว และตั้งเป้าหมายเพิ่มการประชาสัมพันธ์จุดขายของแต่ละจังหวัด ชูเอกลักษณ์ที่สำคัญ โดยจังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา จังหวัดศรีสะเกษเน้นท่องเที่ยวเชิงกีฬา จังหวัดยโสธรเน้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประเพณีและจังหวัดอำนาจเจริญ ให้เป็นเมืองแห่งศาสนา.– สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”