สธ.21 ก.ค.-ก.สาธารณสุข ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เฝ้าระวังและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ประชาชนและสถานศึกษาในการป้องกันโรคตาแดงตลอดช่วงฤดูฝน ปีนี้พบผู้ป่วยแล้วกว่า 50,000 ราย แนะป้องกันตัวเองโดยล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ ไม่ขยี้ตา หากอาการตาแดงไม่ดีขึ้นใน 7 วัน ให้รีบพบแพทย์
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงฤดูฝนจะพบผู้ป่วยโรคตาแดงจากเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น และมักพบการระบาดในสถานที่ที่มีคนอยู่ร่วมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานที่ทำงาน โดย
ข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1ม.ค.–16 ก.ค.2561 พบผู้ป่วยแล้ว 50,750 ราย อัตราป่วยสูงสุด 5 จังหวัดแรก ได้แก่ อุบลราชธานี แม่ฮ่องสอน เชียงราย ปราจีนบุรี และเชียงใหม่ คาดว่าผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นตลอดฤดูฝน ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เฝ้าระวังการแพร่ระบาด และประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน และสถานศึกษาในการป้องกันโรคตาแดง เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อได้ทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในเด็กจะติดต่อกันง่ายขึ้นจากการเล่น คลุกคลีใกล้ชิดกัน
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า โรคตาแดง เกิดจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย ติดต่อกันง่ายจากการสัมผัส น้ำตา ขี้ตาของผู้ป่วยตาแดง ที่ติดอยู่ตามพื้นผิวสิ่งของต่างๆ ขณะที่ยังไม่แห้ง เช่นลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะทำงาน แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ ราวจับรถเมล์ การใช้ของส่วนตัวร่วมกันกับผู้ป่วยเช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หรือถูกน้ำหรือสิ่งสกปรกเข้าตา เมื่อเชื้อโรคเข้าตาจะทำให้ระคายเคืองตา ตาแดง มีขี้ตามาก หนังตาบวม ปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ อาจเป็นข้างหนึ่งข้างใดหรือเป็นทั้ง 2 ข้าง โรคนี้ติดต่อกันจากการสัมผัสมากที่สุด ดังนั้น ในการป้องกันโรคตาแดง ทำได้โดยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงการใช้มือแคะ แกะ เกาหน้า ขยี้ตา ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยตามแดง เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว แว่นตา และเครื่องนอน รักษาความสะอาดเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด
สำหรับโรคตาแดงที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ใช้การรักษาตามอาการ คือใช้ยาหยอดตาเพื่อลดอาการระคายเคือง แต่หากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย ขี้ตาจะมีสีเหลืองหรือเขียว ต้องใช้ยาปฏิชีวนะหยอดตาเพื่อฆ่าเชื้อ ดังนั้นหากป่วยเป็นตาแดง ขอให้ปฏิบัติตัวดังนี้
1.ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาเนื่องจากเชื้อจะสะสมที่ผ้าเช็ดหน้า และแพร่ไปติดคนอื่นได้ ให้ใช้กระดาษนุ่มๆ ซับน้ำตา หรือใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดขี้ตาและบริเวณเปลือกตา แล้วทิ้งในถังขยะที่มิดชิด
2.งดใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าตาจะหายอักเสบ และใส่แว่นกันแดดเพื่อลดการระคายเคืองจากแสง
3.ไม่ควรใช้ยาหยอดตาร่วมกัน เนื่องจากเชื้ออาจติดอยู่ที่ปากขวดยาหยอดตาได้ ที่สำคัญคือต้องหยุดเรียน หรือหยุดงานอย่างน้อย 3 วัน และพักการใช้สายตา ส่วนใหญ่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายภายใน1-2สัปดาห์ หากมีอาการปวดตารุนแรง ตาพร่ามัว หรืออาการตาแดงไม่ทุเลาภายใน 7 วัน ขอให้ไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน .-สำนักข่าวไทย