ตรวจพบบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1เหมืองอัคราฯ รั่วซึม


 กรุงเทพฯ 21 ม.ค.-คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา
ข้อขัดแย้ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการทำเหมืองแร่ทองคำ อัครา
มีมติเห็นชอบผลตรวจสอบบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 รั่วซึม
พื้นที่เสี่ยงกระจายตัวของแมงกานีส สารหนู  และเหล็ก เพิ่มขึ้น
สั่งแก้ไขด่วน


               
นายพสุ
โลหารชุน
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา
ข้อขัดแย้ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา
รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน)
 เปิดเผยว่า
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา ข้อขัดแย้ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท
อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ
องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาชน และผู้แทนของบริษัท อัคราฯ มีมติตรงกันว่า
บ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 (
TSF1) มีการรั่วซึม และอาจเป็นสาเหตุการแพร่กระจายของโลหะหนัก
เพิ่มเติมจากโลหะหนักที่อาจเกิดอยู่แล้วตามธรรมชาติ
  หลังจากที่ได้มีการรับฟังและพิจารณาจากรายงานผลการศึกษาโครงการ การสำรวจตรวจสอบโอกาสการรั่วไหลของสารพิษจากบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 (TSF1) ของเหมืองทองคำ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส
 จำกัด (มหาชน) จังหวัดพิจิตร” ซึ่งมี ผศ.ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
และคณะ เป็นผู้ศึกษาโครงการ โดยผลการศึกษามีข้อบ่งชี้ว่า
พบความผิดปกติทางความต้านทานไฟฟ้าแสดงถึงการรั่วไหลของน้ำเหมืองจากบ่อกักเก็บกากแร่ที่
1 และพบความผิดปกติของธรณีเคมีร่วมกับไอโซโทป โดยระบุว่ามีร่องรอยการไหลของน้ำเหมืองจากบ่อกักเก็บกากแร่ที่
1 ไปถึงบ่อสังเกตการณ์ และบริเวณนาข้าวตามที่มีการร้องเรียนจากชาวบ้าน

                 ประกอบกับข้อมูลการเพิ่มความถี่ในการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินอย่างต่อเนื่องของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
(กพร.) และรายงานการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมของบริษัท
อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่พบว่า
ภายหลังหยุดการประกอบกิจการ ในปี 2560 – 2561
คุณภาพน้ำผิวดินและน้ำบ่อสังเกตการณ์มีค่าโลหะหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด
และเมื่อตรวจสอบข้อมูลทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการก่อสร้างบ่อกักเก็บกากแร่ พบว่า
น้ำในบ่อกักเก็บกากแร่สามารถซึมผ่านชั้นดินเหนียวได้หลังจากมีการใช้งานไปแล้วประมาณ
1 ปี
  อีกทั้งพบว่า คุณภาพน้ำในบ่อ Seepage ซึ่งรองรับน้ำซึมใต้ชั้นดินเหนียว และน้ำในบ่อ Underdrain มีคุณสมบัติของน้ำใกล้เคียงกัน

                 นอกจากนี้
ข้อมูลการประเมินพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโลหะหนักในพื้นที่รอบเหมืองแร่ทองคำของ
กพร. ซึ่งใช้ข้อมูลคุณภาพน้ำใต้ดินของบริษัท อัคราฯ ในปี 2544
 – 2558
ที่คณะทำงานย่อยประมวลผลข้อมูลและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้การรับรองแล้ว
เปรียบเทียบกับข้อมูลคุณภาพน้ำใต้ดินช่วงหยุดการประกอบกิจการทำเหมืองและโลหกรรม
ในปี 2560 – 2561 ที่บริษัท อัคราฯ รายงานต่อ กพร. พบว่า
ภายหลังการหยุดการทำเหมือง ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 72/2559
พื้นที่เสี่ยงที่มีการกระจายตัวของแมงกานีส สารหนู
  และเหล็ก เพิ่มขึ้นจากปี 2544 – 2558


                    คณะกรรมการฯ
ได้รับฟังความเห็นและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทั้งจากรายงานทางวิชาการ
และข้อมูลข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ
โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก
ก่อนที่คณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่จะมีมติดังกล่าว แม้ผู้แทนของบริษัท อัคราฯ
จะไม่เห็นด้วยก็ตาม
” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว

              นายวิษณุ ทับเที่ยง
อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
 กล่าวเพิ่มเติมว่า
กรณีผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำผิวดินและน้ำบ่อสังเกตการณ์มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด
และมีการตรวจสอบพบว่า มีการแพร่กระจายของโลหะหนักบริเวณรอบพื้นที่เหมืองแร่ทองคำ
  ได้สั่งการให้บริษัท อัคราฯ
เฝ้าระวังคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งให้ปรับปรุงแก้ไขคุณภาพน้ำที่เป็นกรดบริเวณพื้นที่โครงการและคุณภาพน้ำในบ่อสังเกตการณ์ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
เพื่อป้องกันผลกระทบออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอกพื้นที่โครงการ
  ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้ กพร.
พิจารณาแนวทางในการดูแลประชาชนในพื้นที่เสี่ยงด้วย

                  ทั้งนี้ เหมืองอัครา มีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด
ผู้ประกอบการเหมืองแร่ของออสเตรเลีย เป็นผู้ถือหุ้น
 ได้ถูกคำสั่ง คสช.ปิดดำเนินการตั้งแต่ 1
ม.ค.2560 มีการร้องเรียนเพราะเกิดความเสียหาย ในขณะที่เหตุผลของการสั่งปิด
เนื่องจากประชาชนในพื้นที่มีการเรียกร้องเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนหน้านี้ และกระทรวงอุตสาหกรรมมีการตั้ง
คณะกรรมการตรวจสอบ และพบผลกระทบดังกล่าว-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม

ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม พร้อมกำหนดบทลงโทษหากพบเข้าไปข้องเกี่ยว

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา-วอศ.สระบุรี ชนะเลิศแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา และ วอศ.สระบุรี ชนะเลิศในการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025 ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ข่าวแนะนำ

“เด็ก-เยาวชน” ส่ง ส.ค.ส.อวยพร “ปีใหม่-วันเด็ก” ให้นายกฯ

“เด็ก-เยาวชน” ส่ง ส.ค.ส.อวยพรปีใหม่ 2568 – วันเด็ก ให้ “นายกฯ พี่อิ๊งค์” มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง อยู่คู่ตึกไทยคู่ฟ้า บริหารประเทศไปนานๆ พร้อมฝากความคิดถึง “อดีตนายกฯ ทักษิณ”

16 บอสดิไอคอน แถลงปฏิเสธทุกข้อหา ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน 10 ก.พ.

16 บอส ดิไอคอนกรุ๊ป แถลงปฏิเสธทุกข้อหา ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน 10 ก.พ.นี้ ขณะที่ “ทนายวิฑูรย์” เผย “บอสพอล-บอสกันต์” ดีใจ หลัง “แซม-มิน” ได้ปล่อยตัว ส่วนท่าทีทั้งคู่ดูสบายๆ ปกติ ล่าสุดมีรายงาน “บอสวิน” ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว อยู่ระหว่างรอผล

ภรรยา “ลิม กิมยา” ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

ภรรยา “ลิม กิมยา” ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน รวมถึงดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารและการติดต่อรับศพนายลิม ที่แผนกนิติเวช รพ.วชิรพยาบาล