ทำเนียบฯ 18 ก.ค.- รองโฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ เยือนภูฏาน 19-20 ก.ค.นี้ กระชับสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น พร้อมเรียนรู้จุดเด่นกันและกัน ร่วมมือด้านท่องเที่ยว ลงทุน
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดการเดินทางเยือนประเทศภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 19-20 กรกฎาคม นี้ ตามคำเชิญของ ดาโช เชริง โตบเกย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน เพื่อกระชับและสานต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีมาอย่างใกล้ชิดทุกระดับ ตั้งแต่ระดับราชวงศ์ รัฐบาลและประชาชน เพื่อให้เกิดความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
“เวลาเรามองภูฏาน เราไม่ได้มองที่ปริมาณหรือมูลค่าทางการค้าการลงทุนระหว่างกัน แต่เรามองว่าประเทศภูฏานเป็นเพื่อนที่แท้จริงของประเทศไทยประเทศหนึ่ง เพราะในเวทีโลกเรามักจะได้การสนับสนุนจากภูฏานมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดที่ประเทศไทยมีส่วนเสนอตัวในการทำหน้าที่หรือมีบทบาท ภูฏานมีส่วนสำคัญและยกมือให้เราตลอด การไปครั้งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ เป็นการแสดงความมีไมตรีจิตต่อกัน” พล.ท.วีรชน กล่าว
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ประเทศภูฏาณมีหลายสิ่ง ที่ไทยสามารถนำมาเรียนรู้ได้อาทิ แนวทางปฏิบัติให้ประชาชชนอยู่อย่างเรียบง่าย สันติ เน้นให้ประชาชนอยู่อย่างมีความสุขเป็นสำคัญ ไม่ได้เน้นเรื่องมูลค่าการค้าการลงทุน แต่เน้นที่ความยั่งยืน ความสุขอย่างแท้จริง สำหรับประเทศไทย น่าจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนภูฏานหลายเรื่อง ทั้งความรู้ทางด้านวิชาการ การเป็นหุ้นส่วนทางด้านการพัฒนา โดยนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปแนะนำให้ภูฏานนำไปประยุกต์ใช้
“เป็นที่ประจักษ์กันมาแล้วว่า ภูฏานมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของราชวงศ์ไทย และนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างความสุขให้แก่ประชาชนได้ นอกจากนี้ ยังมีสาขาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ และสามารถไปร่วมลงทุนที่ภูฏานได้ อาทิ การก่อสร้างต่าง ๆ ที่ภูฏานยังมีความต้องการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างถนนหนทาง โรงแรม ซึ่งเรามีผู้ประกอบการไทยไปลงทุนทำธุรกิจโรงแรมในเครือดุสิตธานี เรายังเรียนรู้เรื่องการท่องเที่ยวซึ่งกันและกันได้ เพราะภูฏานเน้นเรื่องการทำอย่างไร ให้ได้รับการตอบแทนจากการท่องเที่ยวสูงสุด แต่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของภูฏานน้อยที่สุด ซึ่งถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศของภูฏาน ที่เราจะเรียนรู้จากเขาได้ ขณะเดียวกัน เขาก็เรียนรู้จากเราได้หลายด้าน” พล.ท.วีรชน กล่าว
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า การเยือนประเทศภูฏานครั้งนี้ นอกจากการหารือข้อราชการร่วมกับนายกรัฐมนตรีภูฏานแล้ว นายกรัฐมนตรีจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์แห่งภูฏาน ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทย ส่วนความร่วมมืออื่น ๆ ที่สามารถแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันนั้น เรามีหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ปัจจุบันได้รับการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพจนออกสู่ตลาดโลกได้ ขณะที่ ภูฏานก็มีวันเกวัง วันโปรดักส์ ซึ่งมีลักษณ์คล้ายคลึงกับ OTOP ของไทย ซึ่งเราสามารถไปเรียนรู้ได้.-สำนักข่าวไทย