ชัวร์ก่อนแชร์ : อุดรูจมูกขวา ช่วยแก้ปวดหัวจริงหรือ ?

กรุงเทพฯ 12 ก.ค.-บนสังคมออนไลน์แชร์สุดยอดวิธีแก้ปวดหัวด้วยตัวเอง ภายใน 5 นาที แค่ใช้นิ้วมืออุดจมูกด้านขวา แล้วใช้รูจมูกด้านซ้ายสูดดมหายใจเพียงข้างเดียว เรื่องนี้จริงหรือไม่ ติดตามจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์.-สำนักข่าวไทย

บทสรุป : ไม่ควรแชร์ต่อ กล่าวอ้างเกินจริง

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท สอบถาม ดร.พญ.อารดา โรจนอุดมศาสตร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาทและสมอง สถาบันประสาทวิทยา อธิบายว่าตำแหน่งเหนือช่องจมูกของคนจะเป็นโพรงอากาศโพรงเดียว การหายใจเข้าไม่ว่าจะซ้ายหรือขวาจะเข้าไปในโพรงเดียวกัน ซึ่งไม่เคยมีหลักฐานยืนยันว่าการอุดจมูกแก้ปวดหัวได้ แต่หากเป็นการสูดดมพวกอโรมา (กลิ่นหอม) อาจจะช่วยลดอาการปวดหัวได้บ้าง

ทั้งนี้ อาการปวดหัวที่ต้องรีบพบแพทย์ ได้แก่ ปวดหัวแบบทันทีทันใด ปวดรุนแรง และเร็ว อาจเกิดจากเส้นเลือดในสมองแตก, ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นทันทีทันใด มีอาการแขนขาอ่อนแรงคลื่นไส้อาเจียน อาจเกิดจากภาวะที่อันตรายในสมอง , ปวดแปลบๆ บริเวณหน้า จะเกิดจากเส้นประสาทสมองเส้นที่ 5 ทำงานผิดปกติได้ ส่วนอาการปวดตุ้บๆ ส่วนใหญ่จะปวดไมเกรน

ครูกวี คงภักดีพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันโยคะวิชาการ มูลนิธิหมอชาวบ้าน อธิบายว่าวิธีการอุดจมูกเป็นศาสตร์แพทย์อินเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโยคะ แต่ไม่ควรใช้คำว่าเป็นศาสตร์แพทย์ เพราะไม่ใช่ศาสตร์แห่งการรักษา แต่เป็นปรัชญาฝึกฝนตนเองไปสู่ความหลุดพ้น ตำราของ “หฐโยคะ” มีเทคนิคการหายใจสลับรูจมูก ให้ทำนิ้วมือ นิ้วโป้งทำหน้าที่ปิดรูจมูกขวา แล้วหายใจเข้าทางรูจมูกซ้าย จากนั้นสลับนิ้ว หายใจออกทางรูจมูกขวา แล้วหายใจเข้าทางรูจมูกขวา สลับนิ้ว หายใจออกทางรูจมูกซ้าย นับเป็น 1 รอบของเทคนิคหายใจสลับรูจมูก โยคีบอกว่าน้ำหนักของนิ้วโป้งเท่ากับน้ำหนักของนิ้วชี้และนิ้วก้อยรวมกัน ดังนั้น ถ้าใช้นิ้วแบบนี้ (โป้ง+ชี้) ความสมดุลก็ไม่เกิด เพราะน้ำหนักที่กดไม่เท่ากัน

ทั้งนี้ การฝึก “หฐโยคะ” ไม่เคยชี้ชัดว่าทำให้อาการปวดหัวจะหายภายใน 5 นาที แต่การฝึกดังกล่าวจะช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น ซึ่งไม่ใช่ทำท่าเดียว ต้องเริ่มต้นด้วยการฝึกท่าอาสนะก่อน ปราณายามะ นี่ถือว่าเป็นขั้นสูงขึ้นมาจาก อาสนะ ส่วนการเล่น “โยคะ” อาจช่วยให้หายปวดหัวได้ แต่ไม่ใช่เกิดขึ้นกับทุกคน

วิธีการ • Add LINE ของสำนักข่าวไทย เข้าไปที่เพิ่มเพื่อน แล้วพิมพ์ @TNAMCOT ถ้าได้รับแชร์อะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาให้เราตรวจใน “ชัวร์ก่อนแชร์” พบกับสกู๊ปข่าวนี้ได้ในข่าวค่ำสำนักข่าวไทยทุกวัน