กรุงเทพฯ 12 ก.ค.-“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”เชิญชวนนักลงทุนเกาหลีเข้ามาลงทุนในไทย
ระบุรัฐบาลมีแผนปฏิรูปด้านต่าง ๆ อีกมาก โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานสำคัญและจะเจรจาความร่วมมือกับเกาหลีเพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีไฮเทคร่วมกัน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
ปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “ไทย-เกาหลี Business Partnership“ ในโอกาสสมาคมผู้นำเข้าเกาหลี
KOIMA นำคณะผู้แทนระดับสูงเยือนไทยระหว่าง
11-14 กรกฎาคมนี้
เพื่อเจรจาการค้าและการลงทุน 120 ราย เนื่องจากปีนี้นับเป็นปีครบรอบความสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้
60 ปี ว่า ขณะนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับอาเซียนเป็นอย่างมาก
รวมทั้งไทย จึงต้องการกระชับความสำคัญทุกด้านทั้งการค้าและการลงทุนมากขึ้น
นายสมคิด ย้ำว่า เกาหลีใต้มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 11 ของโลก
จากความมุ่งมั่นปฏิรูปการศึกษาจึงพัฒนาด้านต่าง ๆ ประสบความสำเร็จ
ขณะที่ไทยได้เร่งปฏิรูปด้านต่าง ๆ สร้างรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ จะเสนอคณะรัฐมนตรี 9 เส้นทางภายในสิ้นปีนี้
ส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต สร้างผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ
เพื่อนำความรู้จากเกาหลีใต้มาพัฒนาประเทศไทยให้สำเร็จ หลังจากได้ประกาศ TOR การสร้างรถไฟฟ้าเชื่อม
3 สนามบิน
ดอนเมือง สุวรรณภูมิและอู่ตะเภา ตามด้วยการเปิดประมูลการพัฒนาท่าเหลือแหลมฉบัง
ท่าเรือมาบตาพุด
รัฐบาลยังเตรียมขยายรถไฟทางคู่เชื่อมต่อลงไปยังจังหวัดระนอง
เพื่อต่อไปยังทะเลอันดามัน รวมทั้งการเชื่อมรถไฟทางคู่จากด้านตะวันออกเชื่อมกับตะวันตก
จะเริ่มออก TOR
ภายในสิ้นปีนี้
เพื่อรองรับการขนส่งจากสปป.ลาว ผ่านไทย ต่อไปยังเมียนมา อินเดีย
“ไทยจึงเป็นจุดศูนย์กลางของการลงทุนจากต่างประเทศ
เพราะตั้งอยู่ใจกลางของกลุ่ม CLMVT และกลุ่ม ACMEC ขณะที่ต่างชาติต้องการเข้ามาลงทุนในอาเซียนเป็นจำนวนมาก
พร้อมนำประเด็นการค้าและการลงทุนเจรจาเพิ่มเติมระหว่างการประชุมระดับผู้นำด้านเศรษฐกิจ
ระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจไทย-เกาหลีช่วงเดือนตุลาคมนี้ เพื่อเน้นกระชับความสัมพันธ์แบบทวิภาคี
เพราะไทยต้องการก้าวไปสู่ด้านเทคโนโลยีไฮเทคร่วมกัน
เนื่องจากเทคโนโลยีชั้นสูงเกาหลีใต้เป็นระดับแกนนำของโลกรองรับการปฏิรูปของไทยทั้งการศึกษา
พัฒนาโครงสร้างเทคโนโลยี
จึงเชิญเกาหลีมาร่วมวงประมูลงานหลายโครงการลงทุนของไทย
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เกาหลีนับเป็นประเทศผู้นำตลาดด้านการค้าออนไลน์
เพราะชาวเกาหลีเข้าถึงอินเตอร์เน็ตถึงร้อยละ 93 ซื้อสินค้าออนไลน์สัดส่วนร้อยละ 65
จึงพร้อมดึงสินค้าของทั้งสองประเทศกว่า 500 รายการขึ้นอยู่ในเว็บไซค์ Thaitrade.com เพื่อติดต่อช่องทางพิเศษเฉพาะไทย-เกาหลีหวังส่งเสริมการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
และยังดึงสินค้าไทยขึ้นไปยัง เว็บไซต์ elevenstreet.com ,เว็บไซค์ Cafe24
ชั้นนำของเกาหลี มั่นใจการค้าไทย-เกาหลีจะเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก
เพราะธุรกิจกว่า 8,000 รายที่เป็นสมาชิกของสมาคม KOIMA ขณะที่การลงทุนของเอกชนเกาหลีน่าจะเข้ามายังไทยเพิ่มเติม
หลังได้ย้ายฐานการผลิตไปอยู่เวียดนามเป็นส่วนใหญ่
นอกจากนี้นายสมคิด
ยังเป็นสักขีพยานการลงนามสัญญา MOU 5 ฉบับ ระหว่างเอกชนเกาหลีและไทย
เพื่อแสวงหาโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานทดแทน
รับสั่งซื้อยางพาราสำหรับการแปรรูป
อาหารสำเร็จรูป ไลฟ์สไตล์ มูลค่ารวม
50
ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงระยะเวลา 1 ปี
และยังเจรจา ร่วมลงทุนเกี่ยวกับการแปรรูปจากเศษไม้ยางพารา ชิ้นส่วนและจักรยานยนต์
พลังงานทดแทน สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม เพราะเป็นที่ต้องการของคนไทย
สำหรับการค้าระหว่างประเทศไทย-เกาหลี
ขยายตัวมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เกาหลีใต้มีมูลค่าทางการค้าอันดับ 10 ของไทย
และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 15 ของเกาหลีใต้
โดยในปี 2560 มูลค่าการค้าร่วมกันจำนวน 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ไทยส่งออกไปเกาหลีประมาณ 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 7,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ไทยขาดดุลการค้ามูลค่า 3,300 ล้านดอลาร์สหรัฐ
นับว่าการค้าระหว่างไทย-เกาหลียังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก สมาคม KOIMA (โคอิม่า)
จึงต้องการเข้ามาขยายตลาดเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย