fbpx

ไทยพาณิชย์ปรับเป้าจีดีพีปีนี้โตร้อยละ 4.3

กรุงเทพฯ 9 ก.ค. – อีไอซีประเมินเศรษฐกิจไทยโตดีขึ้นร้อยละ  4.3  จากร้อยละ  4  จับตาความเสี่ยงสงครามการค้าที่เพิ่มขึ้น


นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ทางอีไอซีปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.3 จากเดิมคาดว่าจะโตร้อยละ 4.0 เนื่องจากการเติบโตเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมาและกระจายตัวมากขึ้น ส่งผลให้อุปสงค์ของภาคเอกชนภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวตามทั้งการบริโภคและการลงทุน 

ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาขยายตัว หลังจากหดตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 11 จากปีที่ผ่านมาภาครัฐลงทุนติดลบร้อยละ 1.2  ผลจาก พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ทำให้โครงการลงทุนภาครัฐล่าช้า เช่น โครงการรถไฟรางคู่ เป็นต้น แต่การเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงครึ่งปีแรกจากผลกระทบของมาตรการกีดกันทางการค้าที่มีออกมามากขึ้นจากสหรัฐและการตอบโต้ของประเทศผู้ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม การส่งออกปีนี้ด้านมูลค่าคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 8.5 ซึ่งเป็นการปรับประมาณการตั้งแต่ 2 เดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่การท่องเที่ยวปีนี้คาดว่าจะโตร้อยละ 8 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 38.2 ล้านคน 


ส่วนผลกระทบจากอุบัติเหตุที่ภูเก็ตนั้น คงส่งผลกระทบไม่มาก เพราะไทยมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามจำนวนมาก แต่ภาครัฐจะต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นให้ทางญาติของนักท่องเที่ยวได้รับทราบ พร้อมกันนี้ต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว โดยวางมาตรการและแนวทางป้องกันเหตุ 

สำหรับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนและสภาพยุโรปนั้น กระทบการส่งออกสินค้าของไทยไม่มาก เพราะภาพรวมการส่งออกของไทยยังคงเป็นบวก แม้สินค้าบางตัว เช่น เครื่องซักผ้า และสินค้าบางตัวถูกขึ้นภาษีส่งออกไปสหรัฐแล้วก็ตาม ขณะที่สินค้าไฮเทคที่จีนถูกสหรัฐขึ้นภาษี ไทยไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าในกลุ่มนั้นป้อนให้กับจีน อย่างไรก็ตาม สงครามการค้ามีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นและมีโอกาสทวีความรุนแรงหลังจากนี้อาจกระทบกับการค้าโลกและภาคการส่งออกของไทยระยะต่อไป ผู้ส่งออกควรให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับกลยุทธ์การรับมือไม่ว่าจะเป็นการหาตลาดใหม่รองรับ หรือการเตรียมความพร้อมกับการแข่งขันที่อาจมีเพิ่มขึ้นในบางตลาด  ด้านภาวะการเงินโลกเริ่มตึงตัวมากขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังยืนยันปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย โดยปีนี้  จะขึ้นดอกเบี้ยรวม 4 ครั้ง ซึ่งปรับขึ้นไปแล้ว 2 ครั้ง และจะปรับขึ้นปี 2562 อีก 3 ครั้ง ปี 2563 ขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่รวมทั้งไทย รวมถึงผลกระทบจากการส่งกลับกำไรของบริษัทต่างชาติส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง โดยตั้งแต่ต้นปีอ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.6 

ส่วนราคาน้ำมันดิบตลาดโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ธนาคารมองว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ราคาในประเทศเพิ่มขึ้นในอัตราไม่สูงมาก ช่วยทำให้ผลกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชนมีจำกัด สำหรับเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ร้อยละ 1.3 สูงขึ้นเล็กน้อย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.1 เงินเฟ้อไม่มากจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่วนดอกเบี้ยนโยบายธนาคารไทยพาณิชย์คาดว่า ธปท.จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 จนถึงสิ้นปีนี้


ด้านเศรษฐกิจในประเทศ กำลังซื้อภาคครัวเรือนดีขึ้นจากแนวโน้มรายได้ที่เริ่มฟื้นตัว แต่ยังมีอุปสรรคปัจจัยภาระหนี้สินที่สูงขึ้นในช่วงก่อนหน้า รายได้ของครัวเรือนไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวจากรายได้ภาคเกษตรที่กลับมาเติบโตในไตรมาส 2 ของปีหลังจากหดตัวต่อเนื่องมา 9 เดือนติดต่อกัน นอกจากนี้ ค่าจ้างเฉลี่ยนอกภาคเกษตรก็มีการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยเฉพาะสาขาธุรกิจที่มีการจ้างงานจำนวนมากอย่างภาคอุตสาหกรรม ค้าส่งค้าปลีก และโรงแรมและร้านอาหาร อีกทั้งอัตราการว่างงานภาพรวมก็มีแนวโน้มลดลงจากช่วงต้นปี  

ดังนั้น ครึ่งปีหลังรายได้ภาคครัวเรือนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่คาดว่ายังเติบโตได้ส่งผลให้ความต้องการแรงงานยังมีแนวโน้มที่ดี  แต่การเติบโตของการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนจะขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย เพราะรายได้จากค่าจ้างแรงงานและรายได้ภาคเกษตรเพิ่งเริ่มฟื้นตัวหลังจากที่ซบเซามาในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นเร็วในช่วงก่อนหน้าและอยู่ในระดับที่สูง โดยผลการสำรวจครัวเรือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติสะท้อนว่าระหว่างปี 2558-2560 ครัวเรือนทุกกลุ่มรายได้มีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้แม้รายได้ครัวเรือนจะดีขึ้นในปี 2561 แต่บางส่วนอาจต้องถูกนำไปชำระหนี้ ทำให้ประโยชน์ของการเพิ่มขึ้นของรายได้ไม่ส่งผ่านมาสู่การบริโภคได้มากเท่าที่ควร

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งสามารถรองรับความผันผวนที่เกิดจากปัจจัยภายนอกได้ ความผันผวนในตลาดเงินเพิ่มสูงมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาในตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยจากผลกระทบของปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลักที่ตึงตัวมากขึ้น การกลับมาแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความกังวลต่อความเสี่ยงสงครามการค้า  ทางธนาคารมองว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังคงแข็งแรง รวมทั้งสภาพคล่องในระบบการเงินที่มีเพียงพอ จะเป็นตัวกันชนที่ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนทางการเงินที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีได้.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ ตะลุมบอนงานไม้ค้ำ จ.เชียงใหม่

กลุ่มวัยรุ่นตะลุมบอนชกต่อยกันในงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จ.เชียงใหม่ ขณะที่ผู้จัดงานติดป้ายเตือนทะเลาะวิวาทในงาน จับได้ปรับ 75,000 มอบให้คนถ่ายคลิป 5,000

ล่า “จัก เขาบายศรี” ถ้าต่อสู้อาจจำเป็นต้องวิสามัญ

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นหลายจุดทั่วเมืองชลบุรี ล่าตัว “จัก เขาบายศรี” มือกราดยิงวันไหล ย่านบ่อนไก่ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หากเจอตัวแล้วยิงต่อสู้ อาจจำเป็นต้องวิสามัญ วอนญาติรีบประสานพามามอบตัว

ข่าวแนะนำ

ปลัด ก.พาณิชย์ เสียชีวิตอย่างสงบ ในวัย 56 ปี

ครอบครัวรัชโน แจ้งข่าว นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ จากไปแล้วอย่างสงบ ด้วยวัย 56 ปี หลังจากมีอาการวูบและล้มในห้องน้ำ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.

จับตา ครม.เศรษฐา 2 โผเริ่มนิ่ง คาดไม่เกินสัปดาห์

จับตา “ครม.เศรษฐา 2” โผเพื่อไทยเริ่มนิ่ง คาดไม่เกินสัปดาห์ รอตรวจสอบประวัติว่าที่รัฐมนตรี “สุทิน-หมอชลน่าน-ไชยา-เกรียง” ส่อหลุดเก้าอี้ ด้าน “ธรรมนัส” ยันโควตา พปชร. อีก 1 ตำแหน่ง เป็นของ “ไผ่ ลิกค์”

“ดาว บ้านดอน” ลูกทุ่งดัง ล้มในห้องน้ำ

“ดาว บ้านดอน” วัย 76 ปี เจ้าของผลงานเพลงดัง ประสบอุบัติเหตุล้มในห้องน้ำ ล่าสุดลุกนั่งได้ ลืมตาได้ และรู้สึกตัวดี แต่ยังไม่สามารถพูดได้

“บิ๊กต่าย” เซ็นให้ “บิ๊กโจ๊ก-4 ลูกน้อง” ออกจากราชการไว้ก่อน

รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” พร้อมลูกน้องอีก 4 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกดำเนินคดีอาญา