กทม.5 ก.ค.กองปราบจับหนุ่มใหญ่สกุลดังคาผ้าเหลือง วัดป่าใน จ.พะเยา หนีหมายจับฉ้อโกงไม่ต่ำ 5 ล้านบาท
ตำรวจกองปราบปราม เข้าจับกุมนายปิญช์ มาลากุล ณ อยุธยา อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนครปฐม ข้อหา ฉ้อโกง ขณะบวชเป็นพระ ที่วัดป่าห้วยบง ต.ทุ่งรวงทอง อ.จุน จ.พะเยา
พฤติการณ์คือ ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนโครงการก่อสร้างในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนายปิญช์ฯ อ้างว่าได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐบาลไทยให้เข้าไปลงทุนดำเนินการก่อสร้างดังกล่าว โดยจะมีส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนอย่างงาม ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเนื่องจากนามสกุลดัง น่าเชื่อถือและนายปิญช์ฯ อ้างว่าสนิทกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบัน จึงนำเงินมาร่วม ลงทุนจำนวน 5,000,000 บาท ต่อมาผู้เสียหายได้ติดตามทวงถามส่วนแบ่งผลกำไรจากการลงทุน แต่นายปิญช์ฯ บ่ายเบี่ยงมาตลอดกระทั่งไม่สามารถติดต่อได้ จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม ต่อมาตำรวจกองกำกับการ 4 กองปราบปราม(กก.4 บก.ป.) สืบสวนจนทราบว่านายปิญช์ฯ หนีไปบวชอยู่ที่วัดป่าห้วยบง จึงนำหมายจับเข้าจับกุม พร้อมนิมนต์ไปลาสิกขาที่วัดดังกล่าว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี
สำหรับนายปิญช์ฯ เคยเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชากรไทย โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2553 นายปิญช์ฯ เคยตกเป็นข่าวดังถูกจับกุมพร้อม น.ส.จุฬาลักษณ์ ฟอสเตอร์ หรือ“หม่อมอุ๋มอิ๋ม” ซึ่งขณะถูกจับ น.ส.จุฬาลักษณ์ฯ อ้างตัวเป็นราชนิกุล ส่วนนายปิญช์ฯ อ้างว่าเป็นเลขา น.ส.จุฬาลักษณ์ฯนำเอกสารซึ่งเป็นซองเอกสารสีน้ำตาล และเอกสารที่มีตราประทับประจำราชสกุลกิติยากร ไปมอบให้ตำรวจ สน.บางเขน มีข้อความว่าไม่ให้ตำรวจจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในพื้นที่ ตำรวจตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเอกสารปลอม
จากการสืบสวนยังพบว่า มีผู้เสียหายที่ถูกนายปิญช์ฯ หลอกลวงว่าสามารถวิ่งเต้นติดต่อผู้ใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบัน ให้ได้รับเหมาส่งอาหารให้เรือนจำทั่วประเทศได้ โดยมีค่าใช้จ่ายในการวิ่งเต้น 3,000,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินให้ เนื่องจากเห็นว่านามสกุลดัง น่าเชื่อถือ หลังจากรับเงินไป นายปิญช์ฯไม่สามารถทำตามที่รับปากได้ และหลบหนีไป ไม่สามารถติดต่อได้ นอกจากผู้เสียหายดังกล่าว ยังมีผู้เสียหายอีกหลายคนที่ถูกนายปิญช์ฯ หลอกในลักษณะเดียวกัน ทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย
