เตือนค่าไฟฟ้ากลางปีหน้ามีแนวโน้มขยับขึ้น

กรุงเทพฯ 5 ก.ค. – กกพ.เตือนค่าไฟอาจปรับขึ้นกลางปีหน้า จากบาทอ่อนค่าและราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น  ส่วน 2 งวดนี้ยังตรึงราคาเท่าเดิมได้ โดยใช้เงินอุดหนุนจากเงินสะสมการคำนวณคลาดเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นมาถึง 1.5 หมื่นล้านบาท จากอากาศแปรปรวน ฝนตกเร็ว น้ำในเขื่อนเพิ่มผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าแผน 


นายวีระพล จิรประดิษฐกุล คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แถลงว่า จากเงินบาทอ่อนค่าและราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้น ประกอบกับการอุดหนุนพลังงานทดแทน ทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติหรือเอฟทีขยับเพิ่มขึ้น 7.46 สตางค์/หน่วย แต่เนื่องจากมีเงินสะสมการคำนวณค่าไฟฟ้าคลาดเคลื่อนกว่า 15,279 ล้านบาท โดยใช้เงินส่วนนี้มาพยุงค่าไฟเอฟทีรอบนี้ไว้ 3,933  ล้านบาท ทำให้สามารถตรึงราคาค่าไฟเอฟทีงวดนี้เดือนกันยายน-ธันวาคมได้ที่ติดลบ 15.90 สตางค์ต่อหน่วย และจะสามารถตรึงงวดหน้าเดือนมกราคมถึงเมษายนได้ แม้คาดว่าต้นทุนก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นอีก 10 บาทต่อล้านบีทียู หรือขึ้นไปอยู่ที่ 248 บาทต่อล้านบีทียู และคาดว่าจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าในส่วนเชื้อเพลิงคาดว่าเพิ่มขึ้น 5.6 สตางค์ต่อหน่วย หากตรึงเท่ากับงวดนี้จะต้องใช้เงินสะสมฯ เข้ามาดูแลประมาณ  8,000 ล้านบาท

“หาก กกพ.นำเงินทั้งหมดมาอุดหนุนค่าไฟทั้งหมดเลยจะทำให้ค่าเอฟทีงวดนี้ลดลงได้ถึง 20 สตางค์ต่อหน่วย แต่เนื่องจากพิจารณาแนวโน้มต้นทุนค่าไฟฟ้างวดต่อไปจะเพิ่มขึ้น จึงเกลี่ยเงินไปดูแลงวดถัด ๆ ไป โดยเงินตรึงค่าเอฟทีมาจากเงินสะสมที่งวดนี้ได้เข้าระบบเพิ่มขึ้นจากการที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าจริงต่ำกว่าประมาณการณ์ ซึ่งอาจเป็นเพราะปีนี้ฝนมาเร็วและยังมาจากการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนเพิ่มขึ้นทั้งจากฝั่งไทยและ สปป.ลาว รวมถึงโรงไฟฟ้าวีเอสพีพีหลายโครงการช้ากว่าแผน” นายวีระพล กล่าว   


อย่างไรก็ตาม อีก 2 งวดถัดไปในปีหน้า คือ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ธันวาคม 2562 ต้นทุนค่าไฟฟ้ามีโอกาสขยับขึ้น จากต้นทุนก๊าซฯ สะท้อนจากราคาน้ำมันและยังมาจากพลังงานลมจะเข้ามาอีก 700-800 เมกะวัตต์ที่จะเข้ากลางปีหน้า  มีผลทำให้เงินอุดหนุน พลังงานทดแทนอาจจะเพิ่มขึ้น จากอัตราขณะนี้อุดหนุนราว 25-27 สตางค์ต่อหน่วย หรือ 15,000 ล้านบาทต่องวดเอฟที หรือประมาณ 45,000 ล้านบาทต่อปี  ซึ่งภาคประชาชน ผู้ประกอบการก็ต้องเตรียมรับมือ 

ทั้งนี้  กกพ.เห็นชอบตรึงค่าไฟฟ้าเอฟที งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2561  คงเดิมไว้ที่ลบ 15.90 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐานจะทำให้ประชาชนจ่ายค่าไฟฟ้าคงเดิมเช่นกันที่ 3.5966 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเป็นการตรึงค่าไฟงวดที่ 4 ติดต่อกันตั้งแต่งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560 หรือทำให้ตรึงค่าไฟได้ตลอดปี 2561หาก กกพ.นำเงินทั้งหมดมาอุดหนุนค่าไฟทั้งหมดเลยจะทำให้ค่าเอฟทีงวดนี้ลดลงได้ถึง 20 สตางค์ต่อหน่วย แต่เนื่องจากพิจารณาแนวโน้มต้นทุนค่าไฟฟ้างวดต่อไปจะเพิ่มขึ้น จึงเกลี่ยเงินไปดูแลงวดถัด ๆ ไป  


สำหรับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงและการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม  2561 ดังนี้ 

 1. ค่าเงินบาทอ่อนค่าจากประมาณการณ์เดิม จาก 32.05 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เป็น 32.14 บาทต่อเหรียญสหรัฐ 

 2. ความต้องการไฟฟ้าเดือนกันยายน – ธันวาคม 2561 เท่ากับ 62,046 ล้านหน่วย ลดลงจากร้อยละ 5.74 

 3. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือนกันยายน  – ธันวาคม 2561 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 60.55 รองลงมาเป็นรับซื้อไฟฟ้าจากลาว ร้อยละ 14.01 ลิกไนต์ ร้อยละ 9.57 และถ่านหินนำเข้า ร้อยละ 6.94 

4. แนวโน้มราคาเชื้อเพลิง คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติรวมค่าผ่านท่อ อยู่ที่ 279.94 บาทต่อล้านบีทียู ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา 17.54 บาทต่อล้านบีทียู 

สำหรับค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามนโยบายของภาครัฐ  ในส่วน Adder และ FiT ในเดือนกันยายน  – ธันวาคม 2561 มาอยู่ที่ 15,751 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 678.72 ล้านบาท เงินอุดหนุนอยู่ที่ 27.88 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้น2.88 สตางค์ต่อหน่วย.  -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง