อสมท 3 ก.ค.-จักษุแพทย์ ยืนยันนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาดามี จะไม่มีปัญหาต่อสายตาเมื่อออกมานอกถ้ำแม้จะอยู่ในที่มืดนานกว่า 10 วัน
รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ หัวหน้าศูนย์ตาธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีผลกระทบต่อดวงตาต่อของนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาดามีทั้ง 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นเวลา 10 วันว่า ในจอประสาทตาคนเรามีเซลล์รับแสง 2 ชนิด คือ เซลล์ชนิดแท่งสำหรับรับแสง และเซลล์ชนิดโคนสำหรับมองเห็นสี เมื่อดวงตาอยู่ในที่มืด และสว่าง จะมีกลไกในการปรับตัวทั้ง dark และ light adaptation ซึ่งเมื่อเด็กๆออกมานอกถ้ำและเจอแสงสว่างจะใช้เวลาในการปรับดวงตาเพียงไม่กี่นาที วิธีป้องกันเบื้องต้นควรหาเครื่องป้องกันเพื่อให้ดวงตาได้รับแสงทีละน้อยระหว่างการให้ดวงตาปรับตัว เช่น ผ้าปิดดวงตา หรือ แว่นกันแดด ซึ่งจะไม่เกิดอันตรายต่อดวงตาอย่างถาวรนอกจากนี้เด็กๆ อาจจะมีปัญหากับการมองเห็นในช่วงแรกบ้าง เนื่องจากการขาดอาหารเป็นเวลา 10 วัน อาจจะทำให้ไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของจอประสาทตาอย่างวิตามินเอ แต่เมื่อได้รับอาหารการมองเห็นก็จะกลับมาเป็น
ด้าน นพ.นริศ กิจณรงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า เมื่อไปอยู่ในที่มืดนานๆตาไม่ได้รับแสงจะลดหน้าที่ลง ม่านตาขยายใหญ่ขึ้น เมื่ออกไปที่สว่าง ม่านตาจะหดตัวอย่างรวดเร็ว ตรงนี้อาจทำให้เกิดอาการปวดตา แพ้แสง เคืองตา ตาสู้แสงไม่ได้ หรืออาจทำลายจอประสาทตา สำหรับวิธีป้องกันคือห้ามออกมาเจอแสงสว่างทันที ควรให้อยู่ในที่ค่อนข้างมืด มีแสงเล็กน้อยสลัว ก่อนสักครึ่งชั่วโมงเพื่อให้มีการปรับสายตาและเมื่อออกมาข้างนอกถ้ำ ควรสวมแว่นตาดำแบบกรองแสงUV ประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือจนกว่าดวงตาจะปรับตัวได้ หรือหากเลือกเวลาที่จะออกมาจากถ้ำได้ แนะนำให้ออกมาในช่วงเย็นหรือเวลากลางคืน และที่สำคัญห้ามนำไฟฉายหรือแสงไฟส่องไปที่ตาเด็กโดยตรง เพราะเด็กยังไม่มีการปรับตัวของม่านตา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อดวงตา.-สำนักข่าวไทย