ชัวร์ก่อนแชร์ : ถอดบทเรียนจากถ้ำหลวง : การเปิดรับ-ส่งต่อข้อมูลโซเชียล


กทม. 3 ก.ค. – ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท ถอดบทเรียนด้านข้อมูลข่าวสารดิจิทัลจากเหตุการณ์ถ้ำหลวง ที่จะทำให้คนไทยรู้เท่าทันโซเชียลมากขึ้น 


ชัวร์ก่อนแชร์ : ถอดบทเรียนถ้ำหลวง เหตุใดเมืองไทยยังไม่ไร้ “ข่าวปลอม”

รายงานพิเศษ โดย ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท

“พบแล้ว 1 ศพ”

พาดหัวข่าวที่สร้างความตื่นตกใจให้ชาวไทยบนโซเชียล เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2561 มาพร้อมภาพหมู่โค้ชและเหล่านักฟุตบอลทีมหมูป่าเป็นพื้นหลังของข้อความพาดหัวสีแดงสด ตัวอักษรแบบเดียวกับหนังสือพิมพ์ชื่อดัง และภาพเล็กในกรอบมุมบนขวา เป็นศพมนุษย์ในสภาพขึ้นอืดน่าสยดสยอง


เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนไทยที่ติดตามความคืบหน้าการค้นหาทั้ง 13 ชีวิต ซึ่ง ณ ขณะนั้นยังไม่มีใครทราบชะตากรรม ต่างหลงเชื่อและรีบกดแชร์ต่อให้เครือข่ายเพื่อนได้รับทราบข่าวสำคัญ โดยไม่ทันเฉลียวใจหรือฉุกคิดพินิจดูว่า เว็บไซต์ที่นำเสนอข่าวนี้ คือ เว็บไซต์ที่สร้าง “ข่าวปลอม” อยู่เป็นประจำ

จากการติดตามเก็บข้อมูล พบว่าเว็บไซต์ข่าวปลอมแห่งนี้ มักอาศัยจังหวะที่มีประชาชนสนใจในประเด็นข่าวใหญ่ ปล่อยข่าวเท็จออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่มีคดีฆาตกรรมโหด หรือแม้แต่ช่วงที่ประชาชนรู้สึกเดือดร้อนเรื่องราคาน้ำมัน เว็บแห่งนี้ก็ยังสร้างข่าวที่ทำให้เกิดกระแสโจมตีรัฐบาล จนกระทั่งทางการดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนพบหลักฐานชัดว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนในประเทศเพื่อนบ้าน และอาศัยอินเทอร์เน็ตเข้ามาทำมาหากินกับความนิยมโซเชียลของคนไทย และมีการออกหมายจับมาแล้ว

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.กก 3 บก.ปอท. ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนจับกุม เปิดเผยว่า หลังจับกุมมาได้แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะนี้ผู้ต้องหาได้ขอประกันตัว และทางการกัมพูชาจะดำเนินการส่งตัวกลับมาในขั้นตอนการส่งฟ้องดำเนินคดี

เบื้องหลังข่าวปลอม ยังคงเป็น “เงิน”

เมื่อปี 2559 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท เผยแพร่รายงานพิเศษชุด “แฉเว็บปลอม” เจาะลึกกลไกเทคนิคที่ผู้สร้างเว็บปลอมใช้หลอกลวงคนไทย ประกอบด้วย การสร้างข่าวปลอมที่น่าตกใจ โดยใช้ภาพประกอบที่ไม่เกี่ยวข้อง เผยแพร่บนเว็บไซต์ข่าวปลอม แล้วนำไปแชร์ต่อบนเครือข่าย Facebook โดยจุดมุ่งหมายหลักคือให้บุคคลทั่วไปหลงเชื่อและคลิกเข้ามาอ่าน รวมทั้งแชร์ต่อ ซึ่งกระบวนการนี้ทำให้เกิดยอดผู้คลิกเข้าชมแต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก

“อย่าคลิก! อย่าแชร์! อย่าสนใจ! ไม่ว่าคุณจะคลิกเข้าไปดู หรือคลิกเข้าไปด่า คุณก็ตกเป็นเหยื่อแล้ว” เป็นคำเตือนสรุปรวบยอดสิ่งที่พึงปฏิบัติ ซึ่งศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ แนะนำอยู่บนแผ่นภาพอินโฟกราฟิกเตือนภัยข่าวปลอมทุกชิ้นที่นำเสนออย่างต่อเนื่อง เพราะผู้สร้างข่าวปลอมเหล่านี้ต้องการเพียงแค่ให้มีคนเข้าไปอ่านจำนวนมาก เพิ่มโอกาสการเห็นและคลิกโฆษณาเท่านั้น

หากเปรียบเทียบในเชิงเทคนิคเบื้องหลัง พบว่า เว็บปลอมในช่วงปี 2560-2561 มีลักษณะกลไกการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิมที่ใช้วิธีการซ่อนโฆษณาแฝงไว้ซึ่งผู้คลิกเข้าไปไม่มีโอกาสได้เห็น เปลี่ยนมาเป็นการติดแบนเนอร์โฆษณาจำนวนมากหลายตำแหน่งแทน แต่อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังคงเป็นเม็ดเงินจากโฆษณาออนไลน์ที่นำมาติดให้ปรากฏนั่นเอง

จุดที่น่าสังเกตคือ การติดโฆษณาอย่างเปิดเผยบนหน้าเว็บข่าวปลอม แม้โฆษณาเหล่านั้นจะเป็นที่รับรู้กันว่าถูกสุ่มแสดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติโดยระบบของตัวแทนโฆษณา เช่น Google Ads แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อแบรนด์ขนาดใหญ่ที่ถูกระบบนำโฆษณามาแสดงได้ ประชาชนบางส่วนอาจจะมองว่า แบรนด์เหล่านั้นสนับสนุนการเผยแพร่ข่าวปลอม

เมื่อสอบถามไปที่ทีมงาน Google Ads ก็ยังคงได้รับการยืนยันว่า ไม่มีนโยบายการสร้างรายได้ให้กับเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จและข่าวปลอมแต่อย่างใด ซึ่งนอกจากการกดรายงานที่ตัวโฆษณาเองแล้ว ระบบยังได้เปิดหน้าเว็บไซต์เพื่อให้รายงานเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลเท็จเข้าไปให้ทีมงานได้รับทราบโดยตรง ประชาชนทั่วไปสามารถค้นหาไปที่หมวด “การช่วยเหลือ” ของ Google Ads ได้

ไม่ใช่แค่ข่าวเดียว…

จากการเฝ้าระวังข่าวปลอมบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ พบว่าเพียงแค่ในช่วง 2 สัปดาห์ของเหตุการณ์ “ถ้ำหลวง” เว็บไซต์สร้างข่าวปลอมได้ปล่อยข่าวปลอมออกมาอย่างน้อย 8 ข่าว เฉลี่ยมีข่าวปลอมออกสู่ระบบวันเว้นวัน ระดับความเชื่อและปริมาณการแชร์ต่อก็แตกต่างกันไป 

หลายครั้งจะมีเสียงบ่นก่นต่อว่าจากผู้เสพข้อมูลไล่หลังข่าวปลอมแต่ละข่าว เหมือนราวจะหลาบจำกับข่าวปลอมที่ตนเองพลาดแชร์ไป แต่จนแล้วจนรอด ผ่านไปไม่กี่วัน สังคมโซเชียลก็ตกเป็นเหยื่อข่าวปลอมอีกครั้ง

“ตายอีกแล้ว! ซีล ศพ 2”

ข่าวปลอมนี้ฉวยโอกาสเผยแพร่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2561 หลังสังคมเพิ่งสะเทือนใจกับการสละชีวิตของจ่าเอกสมาน กุนัน มีผู้คนแชร์กันมากมาย ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ เร่งนำเสนอแผ่นภาพเพื่อเตือนกับดักให้ประชาชนทราบ แต่ก็ยังพบข้อความแชร์ด้วยความโกรธเคืองว่าทางการสั่งปิดข่าว ข่าวปลอมนี้จุดกระแสต่อไปอีกอย่างน้อย 2 วัน โดยบัญชีไลน์ “ข่าวจริงประเทศไทย” ของกรมประชาสัมพันธ์ ที่เพิ่งกลับมาเคลื่อนไหวได้ไม่นาน ก็ได้เผยแพร่ว่าข่าวนี้เป็นข่าวปลอม เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561

เทคโนโลยีและเหยื่อ เอื้อให้ไทยยังมีข่าวปลอม

จะเห็นได้ว่าการที่ข่าวปลอมยังคงเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อจับตาแค่ช่วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์ถ้ำหลวงนั้น ปัจจัยยังคงเป็นไปตามหลักอุปสงค์อุปทาน “เมื่อมีคนเสพ ก็ย่อมมีคนผลิต”

ในเมื่อการสร้างเว็บปลอมสักแห่งนั้น มีค่าใช้จ่ายน้อยมาก ยังไม่มีโทษทางกฎหมายที่หลาบจำ และคนไทยยังตกใจเชื่อและแชร์อะไรต่อได้ง่าย จึงไม่แปลกที่ผู้สร้างยังพร้อมจะหารายได้ด้วยวิธีเช่นนี้ต่อไป

…และไม่ได้มีแค่ข่าวปลอม

จากการเฝ้าระวังข้อมูลข่าวสารเท็จบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ยังพบว่ามีข้อมูลเท็จ ข้อมูลคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวอีกหลายหัวเรื่อง ซึ่งเมื่อรวมกับข่าวปลอม 8 เรื่องแล้ว ทำให้จำนวนข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือในช่วงเวลาดังกล่าวมีมากกว่า 20 หัวเรื่อง ซึ่งเกิดจากทั้งการเจตนาจงใจ และ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาทิ

ข่าวปลอม 8 ข่าว

ข่าวที่เกิดจากความเข้าใจผิด เช่น คลิปกู้ภัยเผยว่าพบปล่องที่ไปถึงตัวเด็ก

ข่าวกุเกินจริง เช่น กุข่าวดราม่าถ้อยคำโค้ชเอก

ข่าวลือที่ไม่มีมูล เช่น การเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติด

การใช้ภาพหรือคลิปผิดบริบท เช่น การใช้ภาพจากการทดสอบวัดอุณหภูมิมาอ้างว่าเป็นภาพจากภายในถ้ำ

การใช้ภาพหรือคลิปเก่า เช่น ภาพเด็กที่เคยถ่ายในถ้ำไว้ก่อนหน้านี้มาแชร์อ้างว่าเป็นภาพตอนที่ค้นพบ นำคลิปการซ้อมกู้ภัยในต่างประเทศมาอ้างว่าเป็นคลิปจากเหตุการณ์นี้

ปรากฏการณ์ถ้ำหลวง ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2561 นี้ นอกจากจะเป็นเวทีความร่วมใจจากนานาชาติแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่ช่วยสะท้อนภาพชัดของสถานการณ์ความอ่อนไหวต่อข้อมูลข่าวสารเท็จในสังคมไทย ที่ยังพร้อมจะเกิดขึ้นและแพร่กระจายได้ทุกเมื่อ

เพิ่มเพื่อน
วิธีการ • Add LINE ของสำนักข่าวไทย เข้าไปที่เพิ่มเพื่อน แล้วพิมพ์ @TNAMCOT ถ้าได้รับแชร์อะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาให้เราตรวจใน “ชัวร์ก่อนแชร์” พบกับสกู๊ปข่าวนี้ได้ในข่าวค่ำสำนักข่าวไทยทุกวัน 

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]

อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร ย่องให้ข้อมูลตำรวจกองปราบ

12 ก.ค. – อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร แอบย่องเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบ เวลา 12.05 น. วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เบื้องต้นส่วมชุด โปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าวันนี้เข้ามาให้ปากคำกรณีที่ ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสวัดโสธรฯ ไม่ตอบแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมต่ออีกว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่นั้น ด้านอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน.-414-สำนักข่าวไทย