ไทยขันอาสาประสาน 2 อนุภูมิภาค “ACMECS- Greater Bay Area”

ฮ่องกง 28 มิ.ย. – ประเทศไทยอาสาเป็นตัวกลางเชื่อมโยงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ACMECS  กับ  Greater Bay Area ของจีน พร้อมชวนนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในอีอีซี  เพื่อใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงของ 2 อนุภูมิภาคนี้


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมงานการประชุมสุดยอด “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” หรือ Belt and Road Summit ครั้งที่ 3 ที่ฮ่องกง พร้อมกล่าวปาฐกถาต่อนักธุรกิจโลกที่มาร่วมงาน ว่า ประเทศไทยขออาสาเป็นตัวกลางเชื่อมโยงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ อิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (ACMECS) ประกอบด้วย กลุ่มประเทศ CLMVT คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และไทย เชื่อมต่อกับกรอบความร่วมมือระหว่างมลฑลกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า หรือ Greater Bay Area ที่มีฮ่องกงเป็นแกนนำ เพื่อสามารถใช้ประโยชน์จากการที่ไทยมีทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางของทั้ง CLMVT และอาเซียน และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยเกื้อหนุนและจะส่งเสริมแนวนโยบายหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง หรือ Belt and road initiative : BRI ของจีนให้บรรลุผลในภูมิภาคได้อย่างแน่นอนและอย่างเป็นรูปธรรม โดยขอให้มั่นใจว่าแม้ไทยจะเป็นประเทศเล็ก แต่ไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นชาติหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าให้กับเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการที่มีคุณประโยชน์ต่อโลกโดยส่วนรวม เช่น belt and road


สำหรับศักยภาพของ  ACMECS ไม่ใช่เพียงเพราะมีประชากรกว่า 230 ล้านคน และแรงงานมากกว่า 130 ล้านคน ยังเป็นทั้งตลาดและ supply chain ที่สำคัญยิ่งในเอเชีย แต่ในห้วงเวลาที่ BRI กำลังเชื่อมโยงจีนลงใต้สู่อาเซียน และในห้วงเวลาที่แนวคิดความร่วมมือ Indo Pacific กำลังได้รับการผลักดัน  Asean โดยเฉพาะอาเซียนตอนบน หรือ ACMECs กลายเป็นดินแดนที่อยู่ใจกลางที่ถือว่าเป็น crossroad ที่สำคัญยิ่งทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในภูมิภาค ต้นปีหน้าฮ่องกงจะไปจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้า ในประเทศไทย หรือ ETO 

นอกจากนี้ ขณะนี้เศรษฐกิจไทยได้กลับมาฟื้นตัวและเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ไต่ระดับจากร้อยละ 0.9 เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มาสู่ระดับ 4.8 เมื่อไตรมาสที่ผ่านมาการส่งออกฟื้นตัวสามารถเติบโตกว่าร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ส่งออกโตถึงร้อยละ 11.5 ขณะที่การท่องเที่ยวเติบโตอย่างน่าประทับใจ ด้วยจำนวนประมาณ 35 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวปีละร้อยละ 15-20 ครอบคลุมประมาณร้อยละ  15-20 ของจีดีพี 

ด้านการลงทุนจากต่างประเทศก็เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง โดยมูลค่าคำขอส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเติบโตสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 34 การฟื้นตัวดังกล่าว มีผลทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจฟื้นคืนกลับมา ซึ่งเปิดโอกาสให้รัฐบาลสามารถทุ่มเทให้กับการปฏิรูปประเทศตามแนวนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมูลค่านับล้าน ๆ บาท หลังจากหยุดชะงักไปนานและการลงทุนเพื่อสร้างอุตสาหกรรมและการบริการแห่งอนาคตในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 


นายสมคิด ยังแจ้งแก่ผู้ร่วมงานอีกว่า โครงการอีอีซี นักลงทุนสามารถเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อเป็นฐานในการรุกตลาดไปยังทั้งกลุ่มประเทศ ACMECS และGreater Bay Area อีกด้วย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทักษิณเหยียดผิว

“อังคณา” จี้ “ทักษิณ” ขอโทษ หลังปราศรัยเหยียดสีผิว-เชื้อชาติชาวแอฟริกัน

“อังคณา” จี้ “ทักษิณ” ขอโทษ หลังปราศรัยเหยียดสีผิว-เชื้อชาติชาวแอฟริกัน ชี้เสี่ยงทำประเทศไทยถูกนานาชาติตั้งคำถาม ขัดหลักการสิทธิมนุษยชน

ข่าวแนะนำ

จนท.นำตัว “ซิงซิง” ถึง กทม.แล้ว ขอบคุณรัฐบาลไทยช่วยเหลือ

เจ้าหน้าที่นำตัว “ซิงซิง” ดาราหนุ่มจีน วัย 32 ปี เดินทางถึงกองบินตำรวจ 3 ย่านดอนเมือง หลังพบตัวที่ฝั่งเมียนมา เจ้าตัวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การช่วยเหลือ พร้อมย้ำว่าปลอดภัยดี เผยรอยที่ขาคือปาน ไม่ใช่แผลจากการถูกทำร้าย

ยิงกระสุนยางสยบชายคลั่งทำร้ายภรรยา-จับลูก 5 ขวบ ขังในบ้าน

ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง สยบชายคลั่งซ้อมภรรยา และจับลูกวัย 5 ขวบ เป็นตัวประกันขังไว้ในบ้าน ขู่ตัดสายแก๊สฆ่ายกครัว

รับตัว “ซิงซิง” จากเมียนมากลับฝั่งไทยแล้ว

เจ้าหน้าที่รับตัว “ซิงซิง” นักแสดงจีน จากเมียนมาข้ามมาฝั่งไทยแล้ว หลังหายตัวลึกลับจนญาติแจ้งความที่จีน พบโผล่ที่ไทยและข้ามแดนไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษในเมียนมา ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำจุดประสงค์การข้ามแดน หลังไม่พบข้อบ่งชี้ถูกบังคับ โดยเจ้าตัวจ้างแท็กซี่จากสนามบินไปชายแดน อ.แม่สอด ด้วยตนเอง

พระราชพิธีสมมงคล

นายกฯ เชิญชวนประชาชนร่วมงาน “พระราชพิธีสมมงคล” 14 ม.ค.นี้

นายกฯ เชิญชวนประชาชนร่วมงาน “พระราชพิธีสมมงคล” 14 ม.ค.นี้ ทั่วประเทศ พร้อมเลื่อนประชุม ครม. สัปดาห์หน้า เป็นวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. แทน