ฮ่องกง 28 มิ.ย. – รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจเผยเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเตรียมตั้งสำนักงานเศรษฐกิจการค้าในไทยปี 62 ด้านฟอกซ์คอนน์ผู้ผลิตหน้าจอไอโฟน และยูบีเทคสนใจลงทุนอีอีซี รอต่อรองบีโอไอ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เปิดเผยระหว่างเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 27-30 มิถุนายน ว่า ได้หารือร่วมกับนางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งนับเป็นการพบกันครั้งที่ 4 จึงมีความสนิทสนมระหว่างกันและจะช่วยสนับสนุนให้ความเชื่อมโยงระหว่างไทยกับกรอบความร่วมมือมณฑลกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า หรือเกรทเตอร์ เบย์ แอเรีย หรือจีบีเอ มีโอกาสที่ดียิ่งขึ้น ขณะที่ประเทศไทยพร้อมเป็นประตูให้ฮ่องกงเข้าสู่อาเซียนมากขึ้น ขณะที่ไทยก็จะใช้เขตบริหารพิเศษฮ่องกงเป็นประตูสู่จีน และต้นปีหน้าทางเขตบริหารพิเศษฮ่องกงจะเข้ามาจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าในประเทศไทย หรือ ETO สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับประเทศไทย
นายสมคิด ยังกล่าวถึงผลการชักจูงนักลงทุนว่า จากการเดินทางไปชักจูงการลงทุน 3 บริษัทในเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.) พบว่า นักลงทุนจีนสนใจลงทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี โดยเฉพาะบริษัท ฟอกซ์คอนน์ (Foxcoon) ผู้ผลิตสินค้าโออีเอ็มรายใหญ่ในธุรกิจ 3C ซึ่งรับผลิตชิ้นส่วนไอโฟน คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ และบริษัท ยูบีเทค (UBTECH) สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นในอุตสาหกรรมผลิตหุ่นยนต์บริการสนใจที่จะตั้งโรงงานผลิตหุ่นยนต์บริการในอีอีซี ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไออยู่ระหว่างให้คำปรึกษาถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนอย่างใกล้ชิด ส่วนไชน่า เนชั่นแนล ยีนแบงก์ (China National GeneBank:CNGB) ธุรกิจจัดเก็บยีน (Gene) ซึ่งบริหารงานโดยบริษัท บีจีไอ พร้อมสนับสนุนช่วยเหลือประเทศไทยในการตั้งศูนย์ยีนประเทศไทย
สำหรับช่วงเช้าวันนี้ (28 มิ.ย.) นายสมคิด จะร่วมงานการประชุมสุดยอด “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” หรือ Belt and Road Summit ครั้งที่ 3 พร้อมกล่าวปาฐกถาให้นักธุรกิจชาวฮ่องกงทราบความคืบหน้าโครงการสำคัญ ๆ ของรัฐบาลไทย ที่ช่วงนี้ถือเป็นช่วงโอกาสที่ดีของประเทศไทยอย่างมาก
นายสมคิด ยังยืนยันว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้รับการยอมรับอย่างมากสหราชอาณาจักรและสาธารณะรัฐฝรั่งเศส และยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีแรงกดดันใด ๆ ในเรื่องการเมืองตามที่เป็นข่าวในช่วงที่ผ่านมา แต่ในทางกลับกัน ประเทศไทยได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี และผู้นำของทั้งสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้ตอบรับที่จะเข้ามาเป็นแขกพิเศษในโอกาสที่ไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในปีหน้าด้วย ดังนั้น จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าการเดินทางโรดโชว์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะในช่วงที่ผ่านนั้น เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงด้านการต่างประเทศของไทย
นายสมคิด กล่าวว่า การประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (ACMECS Summit) ครั้งที่ 8 ที่ผ่านมาซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพช่วยให้ประเทศเล็กอย่างไทย สปป.ลาว เมียนมาที่ไม่ค่อยเป็นที่สนใจมากนักในสายตาของนักลงทุนทั่วโลก แต่เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูงมากจีดีพีโตร้อยละ 4.8 ทำให้อนุภูมิภาคนี้เป็นจุดที่น่าสนใจยิ่งในเชิงเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันความใกล้ชิดของ 5 ประเทศ ขณะเดียวกันความใกล้ชิดของ 5 ประเทศ ทำให้มีบทบาทสูงด้านความมั่นคงในภูมิภาค ส่งผลให้ ACMECS กำลังเป็นที่สนใจของโลกขณะนี้ และการที่ประเทศไทยจัดการประชุม ACMECS และมีการวางแผนแม่บทหรือ Master Plan on ASEAN Connectivity 2025 ร่วมกัน ทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเชิงยุทธศาสตร์ขึ้นมาทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคง และการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปโรดโชว์สหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส ทั้ง 2 ประเทศสนใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ ACMECS ทันที สะท้อนให้เห็นว่าประเทศเล็ก ๆ หากรวมกันได้จะมีศักยภาพทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง การเดินทางไปโรดโชว์ครั้งนี้ ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญสุดของประเทศไทยที่สามารถสร้างความตระหนักและการยอมรับของต่างประเทศได้ทันทีและเตรียมเดินทางไปโรดโชว์ที่เยอรมนีต่อไป
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า จากกรณีความล่าช้าของโครงการต่าง ๆ ที่มีอยู่ในขณะนี้นายกรัฐมนตรีเตรียมที่จะจัดตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่เร่งรัดให้โครงการสำคัญ ๆ ของประเทศทุก ๆ ด้านให้สามารถขับเคลื่อนไปได้โดยเร็ว โดยคณะกรรมการชุดนี้นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธาน. – สำนักข่าวไทย