สธ.27 มิ.ย.-กรมสุขภาพจิตเผยผลเยียวยาจิตใจครอบครัวและญาติทีมนักฟุตบอล 13 รายที่พลัดหลงในถ้ำหลวง พบมีความเครียด ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ มี 3 รายเครียดระดับรุนแรง วอนสื่อเลี่ยงสัมภาษณ์ญาติที่เป็นผู้หญิง วัยรุ่น เด็ก เกิดวิตกกังวล
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์การช่วยเหลือครอบครัวและญาติ ของทีมนักฟุตบอลหมูป่าพร้อมโค้ช รวม 13 คนที่พลัดหลงอยู่ในถ้ำหลวง เขตวนอุทยาน ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.2561 เป็นต้นมา และอยู่ระหว่างการเร่งค้นหาของทีมเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ว่า ทีมสุขภาพจิตเอ็มแคทจากศูนย์สุขภาพจิตที่1 ,โรงพยาบาลสวนปรุง และทีมเครือข่ายสุขภาพจิตจังหวัดเชียงราย ได้ประเมินสุขภาพจิตของผู้ปกครองเด็กที่มารอ ณ จุดรวมญาติใกล้ปากถ้ำ และได้ให้คำปรึกษาญาติจำนวน 13 ครอบครัว พบว่ามีความเครียดมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ ตัวร้อนและนอนไม่หลับ ได้ให้ยารักษาเบื้องต้นแล้ว โดยมี3 รายที่มีความเครียดในระดับรุนแรงอยู่ในความดูแลของทีมจิตแพทย์ใกล้ชิดแล้ว ทีมงานได้วางแผนดูแลจัดทีมเฝ้าระวังในพื้นที่ อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ระดมพลกำลังเข้าไปช่วยเหลือค้นหาผู้พลัดหลงทั้ง 13 คนอย่างเต็มที่ มีความเป็นห่วงสุขภาพจิตของทีมค้นหา เนื่องจากต้องทำงานภายใต้ความกดดัน แข่งกับเวลาและมีความเสี่ยงภัยอาจเกิดความเหนื่อยล้าและเครียดสะสมได้ จึงขอแนะนำให้ทีมค้นหาเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันในเบื้องต้น ขณะเดียวกันควรสับเปลี่ยนกำลัง เพื่อลดความล้าทางกายที่ส่งผลทางจิตใจ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หากรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหว ขอให้นั่งพักหรือคุยกับหัวหน้าทีมหรือผู้บังคับบัญชาเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งไม่ใช่เป็นการยอมแพ้หรือไม่เอาไหน แต่เป็นการทำให้พลัง การทำงานดีขึ้นโดยสามารถปรึกษาคลายเครียดที่หน่วยแพทย์บริเวณหน้าถ้ำ
ด้าน นพ.ธรณินทร์ กองสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ จากการสังเกตของทีมสุขภาพจิตที่ลงพื้นที่พบว่าทีมช่วยเหลือยังมีพลังกายและใจดี กระตือรือร้น มีความหวัง ไม่ท้อถอย แต่ปัญหาที่พบและน่าเป็นห่วงคือทีมสื่อมวลชนจากหลายสำนักที่เข้าไปสัมภาษณ์ซักถามญาติของผู้พลัดหลงอยู่ตลอด หากเป็นไปได้ขอให้เลี่ยงการสัมภาษณ์ญาติที่เป็นผู้หญิง วัยรุ่นและเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจิตใจเปราะบาง เกิดความเครียดได้ง่าย
อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นก็ขอให้ใช้ท่าทีที่นุ่มนวล หลีกเลี่ยงการใช้คำถามที่ก่อความกลัว ความวิตกกังวล เนื่องจากอาจไปกระตุ้นทำให้ญาติเกิดภาวะที่เรียกว่า ไฮเปอร์ เวนติเลชั่นซินโดรม คือภาวะหายใจเร็วผิดปกติจากความเครียด เกิดอาการมืดหน้า เป็นลมได้ ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นเป็นปฏิกริยาของร่างกายต่อความเครียดที่ฉับพลันรุนแรง อาการดังกล่าวต้องได้รีบการดูแลรักษาโดยเร็ว แม้ว่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตก็ตามสิ่งที่กระตุ้นให้เกิด ไฮเปอร์เวนติเลชั่นซินโดรม ได้แก่ ความทุกข์ทรมานใจ ภาวะเครียด ดื่มกาแฟมากเกินไป หรืออยู่ในที่ที่มีผู้คนจำนวนมากแออัด เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย